“กรมการค้าต่างประเทศ” เผยมีเอกชนจากภาคอุตสาหกรรม 19 ราย ยื่นตรวจสอบคุณสมบัติ ก่อนเข้าร่วมประมูลข้าวเข้าสู่อุตสาหกรรม 3.66 ล้านตัน เผยจะประกาศรายชื่อผู้ผ่านคุณสมบัติ 23 มี.ค.นี้ ก่อนให้ยื่นซองราคาวันเดียวกัน ด้านโรงสีระบุมีผู้สนใจน้อย เหตุราคาวัตถุดิบอื่นถูกกว่า
นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า วันที่ 20 มี.ค. 2560 กรมฯ ได้เปิดให้ผู้ที่สนใจประมูลข้าวสารในสต๊อกรัฐบาลเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคน ครั้งที่ 1/2560 ปริมาณ 3.66 ล้านตัน เข้ายื่นซองคุณสมบัติ โดยมีผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมยื่นซองเพื่อตรวจสอบคุณสมบัติรวมทั้งสิ้น 19 ราย ซึ่งกรมฯ จะร่วมกับกรมโรงงานอุตสาหกรรม และกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ดำเนินการตรวจสอบเอกสารหลักฐานคุณสมบัติเบื้องต้นของผู้เสนอซื้อทั้งหมดตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขคุณสมบัติผู้เสนอซื้อตามที่ทีโออาร์กำหนด และจะประกาศรายชื่อผู้เสนอซื้อที่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติผู้เสนอซื้อเบื้องต้น ในวันที่ 23 มี.ค. 2560 เวลา 09.00 น. โดยผู้ที่มีรายชื่อผ่านคุณสมบัติเสนอซื้อเบื้องต้นจะสามารถยื่นซองเสนอราคาซื้อได้ในวันเดียวกัน ตั้งแต่เวลา 09.00-12.00 น. จากนั้นตั้งแต่เวลา 12.30 น.เป็นต้นไป กรมฯ จะดำเนินการเปิดซองเสนอราคาซื้อต่อหน้าสาธารณชนและสื่อมวลชนต่อไป
“หลังจากได้รายละเอียดการเสนอราคา และราคาที่เสนอซื้อแล้ว กรมฯ จะทำการประมวลผลการยื่นซองเสนอราคาซื้อข้าวสารในสต๊อกของรัฐเข้าที่ประชุมคณะทำงาน และจากนั้นจะเสนอให้คณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าวพิจารณา ก่อนนำเสนอประธานคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) พิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป”
สำหรับข้าวที่นำมาเป็นประมูลในครั้งนี้เป็นข้าวทุกชนิดเกรด P/A/B/C ที่มีข้าวไม่ตรงตามมาตรฐาน ข้าวผิดไปจากมาตรฐาน ข้าวผิดชนิด (ข้าวในคลังไม่ตรงกับชนิดที่ระบุตามบัญชีรับข้าวเข้าคลัง) ปนอยู่ ซึ่งไม่สามารถนำไปปรับปรุงและไม่เหมาะสมสำหรับการบริโภคของคน อยู่ใน 278 คลัง ใน 39 จังหวัด แยกเป็นข้าว 17 ชนิด ได้แก่ ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 2 ข้าวหอมจังหวัด ข้าวขาว 5% ข้าวปทุมธานี 5% ข้าวขาว 10% ข้าวขาว 15% ข้าวขาว 25% เลิศ ข้าวปทุมธานี ข้าวเหนียวขาว 10% ข้าวท่อนหอมมะลิ ข้าวท่อนหอมจังหวัด ข้าวท่อนปทุมธานี ปลายข้าวหอมมะลิ ปลายข้าวหอมจังหวัด ปลายข้าวปทุมธานี ปลายข้าว A1 เลิศ และปลายข้าว A1
ทั้งนี้ กรมการค้าต่างประเทศได้กำหนดคุณสมบัติผู้เสนอซื้อ ต้องเป็นนิติบุคคลที่ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานอุตสาหกรรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงงานที่ไม่ใช่การบริโภคของคน ต้องแจ้งวัตถุประสงค์และประเภทของอุตสาหกรรมที่จะนำข้าวไปใช้ และรับรองว่าจะไม่นำข้าวดังกล่าวเข้าสู่ระบบการตลาดและการค้าข้าวปกติเพื่อการบริโภคของคนทุกรูปแบบ โดยต้องนำไปใช้ในอุตสาหกรรมตามที่แจ้งไว้เท่านั้น
ขณะเดียวกัน เพื่อเป็นการป้องกันการรั่วไหลของข้าวดังกล่าวเข้าสู่ระบบการค้าปกติ ประธาน นบข.ได้มอบหมายองค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) จัดให้มีมาตรการป้องกันการรั่วไหลของข้าวที่ได้นำมาเปิดประมูล โดยการกำหนดระยะเวลาการขนย้าย และตรวจสอบผ่านระบบออนไลน์ตั้งแต่ต้นทาง และคลังปลายทางจะต้องมีการติดตั้งกล้อง CCTV เพื่อรายงานผลแบบเรียลไทม์ผ่านระบบออนไลน์ด้วย
นายเกรียงศักดิ์ ตาปนานนท์ นายกสมาคมโรงสีข้าวไทย กล่าวว่า สาเหตุที่มีเอกชนมายื่นซองคุณสมบัติเพื่อประมูลข้าวเข้าอุตสาหกรรมเพียง 19 ราย ส่วนหนึ่งมาจากความกังวลเรื่องความคุ้มค่าของราคาข้าวที่จะประมูลนำไปใช้ในภาคอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นการผลิตเอทานอล หรืออาหารสัตว์ เพราะเมื่อเทียบราคาวัตถุดิบในท้องตลาดแล้ว พบว่ามีหลายรายการที่ราคาถูกกว่าข้าวสต๊อกรัฐบาล เช่น ปลายข้าวเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 8-9 บาท/กิโลกรัม (กก.) มันสำปะหลัง (หัวมันสด) ราคา 1 บาท/กก. ข้าวโพดที่ใช้ในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ ราคา 6-7 บาท/กก. ดังนั้น ราคาที่เอกชนจะเสนอประมูลข้าวครั้งนี้ หากสูงกว่าต้นทุนผลผลิตอื่นก็ถือว่าไม่คุ้ม