อคส.เปิดชี้แจงเงื่อนไขการขนย้ายข้าวเสื่อมที่เปิดประมูลเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคน ปริมาณ 3.66 ล้านตัน ยันมีแผนควบคุมทั้งการขนย้าย การติดตามข้าว และการตรวจสอบข้าวที่ขนส่งถึงอุตสาหกรรมแล้ว มั่นใจไม่มีหลุดลอดสู่ตลาดบริโภคของคน
พล.ต.ท.ไกรบุญ ทรวดทรง ประธานกรรมการองค์การคลังสินค้า (อคส.) เปิดเผยว่า อคส.ได้กำหนดมาตรการในการควบคุมการขนย้ายข้าวออกจากโกดังไปจนถึงโรงงานอุตสาหกรรมของผู้ชนะการประมูลข้าวสารในสต๊อกปริมาณ 3.66 ล้านตัน ที่กรมการค้าต่างประเทศจะเปิดประมูลเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคนในวันที่ 23 มี.ค.นี้ไว้แล้ว โดยจะมีการสุ่มตรวจตลอดเส้นทางการขนย้ายข้าว เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนว่าจะไม่มีข้าวหลุดรอดออกไปสู่ตลาดบริโภค
ทั้งนี้ ในการขนย้ายข้าวได้กำหนดเงื่อนไขให้ผู้จะขนย้ายข้าวไม่ต้องขออนุญาตการขนย้ายจากสำนักงานพาณิชย์จังหวัด จากเดิมที่จะต้องขออนุญาต ทำให้การขนย้ายทำได้รวดเร็วขึ้น โดย อคส.จะแจ้งไปหัวหน้าคลังของ อคส.ที่ประจำอยู่ตามโกดังต่างๆ ให้รับทราบ และตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ในส่วนของข้าวที่อยู่ในความดูแลขององค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ก็ดำเนินการในลักษณะเดียวกัน
สำหรับระยะเวลาการขนย้ายข้าว เดิมกำหนดให้ขนข้าวได้ในช่วงตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นจนถึงพระอาทิตย์ตก แต่ครั้งนี้ กำหนดให้รถบรรทุกคันสุดท้ายออกจากโกดังได้ไม่เกินเวลา 18.00 น. และสามารถขนย้ายได้จนถึงจุดหมาย ไม่ต้องหยุดพักจนกว่าพระอาทิตย์ขึ้น ขณะเดียวกัน ยังต้องปิดผนึก (ซีล) รถบรรทุกที่ขนข้าว ติดตามการควบคุมการขนย้าย โดยระยะทางและระยะเวลาต้องสอดคล้องกัน หากพบว่าใช้เวลามากเกินไป เจ้าหน้าที่ตำรวจในจุดตรวจสามารถเรียกให้หยุดเพื่อตรวจสอบได้
ส่วนสถานที่ปลายทางที่จะเก็บข้าว จะต้องมีการติดตั้งกล้อง CCTV และต้องรายงานข้อมูลสินค้า ผ่านเว็บไซต์ www.pwo.co.th เพื่อแจ้งให้เจ้าหน้าที่ อคส.รับทราบ และเมื่อขนย้ายข้าวถึงสถานที่ปลายทางแล้ว อคส. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะสุ่มตรวจปริมาณข้าวว่าตรงกับที่ขนย้ายและปริมาณที่ซื้อหรือไม่
พล.ต.ท.ไกรบุญกล่าวว่า หาก อคส.พบว่าผู้ซื้อไม่นำเข้าสารเข้าสู่กระบวนการผลิตทางอุตสาหกรรมตามที่ได้แจ้งไว้ในวัตถุประสงค์ที่ขอซื้อจะต้องชำระค่าปรับ 25% ของมูลค่าข้าวสารที่ไม่ได้นำเข้าสู่กระบวนการอุตสาหกรรม และหาก อคส.เลิกสัญญา ผู้ซื้อจะต้องเสียค่าปรับ 25% ของมูลค่าปริมาณข้าวสารที่ยังไม่ได้รับมอบและขนย้าย รวมทั้งจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ทั้งแพ่งและอาญาด้วย
สำหรับการขนย้ายข้าว ผู้ซื้อต้องชำระเงิน รับมอบ และขนย้ายข้าวสารทั้งหมดตามระเบียบที่กำหนดไว้ โดยหากซื้อไม่เกิน 10,000 ตัน ต้องขนย้ายให้เสร็จภายใน 20 วันนับจากทำสัญญา หากซื้อเกิน 300,000 ตันขึ้นไป ต้องขนย้ายให้เสร็จภายใน 210 วัน
พล.ต.ท.ไกรบุญกล่าวว่า กรณีที่สมาคมผู้ตรวจสอบสินค้าเกษตรไทย (เซอร์เวเยอร์) ระบุว่า ข้าวที่จะเปิดประมูลครั้งนี้ มีบางส่วนที่เป็นข้าวดี และสามารถปรับปรุงเพื่อนำไปเป็นอาหารของคนไทยได้นั้น การตรวจสอบคุณภาพข้าวเกิดขึ้นมานานแล้ว ขณะนี้ถึงขั้นตอนการระบายแล้ว ถ้าเซอร์เวเยอร์ไม่ยอมรับว่าข้าวที่จะเปิดประมูลเป็นข้าวเสื่อม ทำไมไม่แจ้งให้ผู้ตรวจสอบคุณภาพทราบตั้งแต่แรก ซึ่งตนให้ความสำคัญต่อการปฏิบัติงานตามคำสั่งของรัฐบาล และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยการระบายครั้งนี้ได้รับการอนุมัติจาก คสช.แล้ว ดังนั้นอย่าคิดขัดขวางการทำงานของ อคส. และรัฐบาล