“พาณิชย์” ตามจับรถบรรทุกมันสำปะหลัง 3 คัน หลังพบขนย้ายไม่ตรงตามเวลาที่ได้รับอนุญาต นำตัวส่งตำรวจดำเนินคดีทันที หวั่นเป็นการลักลอบการนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้านจนกระทบต่อราคามันสำปะหลังในประเทศ
นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 22 ก.พ.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สายตรวจของกรมฯ ได้ตรวจพบรถบรรทุกพ่วงจำนวน 3 คัน ที่บรรทุกมันเส้นออกจากด่านช่องสะงำ อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ เจ้าหน้าที่สายตรวจจึงได้ติดตามรถบรรทุกพ่วงทั้ง 3 คันดังกล่าวจนถึงอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ และได้ตรวจสอบการขออนุญาตขนย้ายมันเส้น พบว่าผู้ขนย้ายมันเส้นทั้ง 3 คันมีพฤติการณ์ขนย้ายมันเส้นไม่ตรงตามระยะเวลาที่ได้รับอนุญาต
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่สายตรวจเฉพาะกิจกรมการค้าภายในได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจในพื้นที่ดำเนินคดีแล้ว เพราะพฤติกรรมดังกล่าวเป็นการฝ่าฝืนประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 11 พ.ศ. 2560 เรื่องการควบคุมการขนย้ายหัวมันสำปะหลังสดและมันเส้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นางนันทวัลย์กล่าวว่า การจัดส่งสายตรวจดังกล่าว เป็นไปตามนโยบายนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมช.พาณิชย์ ที่ได้สั่งการให้กรมฯ จัดสายตรวจออกตรวจสอบผู้ประกอบการลานมันและโรงแป้ง เพื่อดูแลไม่ให้มีการกดราคารับซื้อมันสำปะหลังจากเกษตรกร และให้มีการแสดงราคารับซื้ออย่างชัดเจนตามเปอร์เซ็นต์เชื้อแป้ง พร้อมทั้งตรวจสอบการขนย้ายมันสำปะหลัง โดยเฉพาะมันเส้นที่มีการนำเข้าจากต่างประเทศให้มีการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างถูกต้อง
“กรมฯ ขอแจ้งให้ผู้ประกอบการมันสำปะหลังให้ปฏิบัติอย่างถูกต้องในเรื่องของการรับซื้อมันสำปะหลังจากเกษตรกรและการขนย้ายมันสำปะหลัง โดยเฉพาะในเรื่องของระยะเวลาการขนย้าย ให้ขนย้ายตามระยะเวลา และน้ำหนักบรรทุกต้องตรงตามที่ได้รับอนุญาตให้ขนย้าย รวมทั้งคุณภาพของมันเส้นที่นำเข้าจากต่างประเทศต้องมีคุณภาพตรงตามที่กระทรวงพาณิชย์กำหนดมาตรฐานการนำเข้า ซึ่งกรมฯ จะมีการจัดส่งเจ้าหน้าที่สายตรวจเฉพาะกิจออกตรวจสอบในเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง” นางนันทวัลย์กล่าว
อย่างไรก็ตาม หากเกษตรกรรายใดไม่ได้รับความเป็นธรรมในการขายหัวมันสำปะหลังสดและมันเส้น รวมทั้งพบเห็นหรือทราบเบาะแสการกระทำความผิดในการขนย้ายมันสำปะหลังโดยไม่ได้รับอนุญาต สามารถแจ้งข้อมูลมาได้ที่สายด่วน 1569 กรมการค้าภายใน หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งกรมฯ จะจัดส่งเจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบต่อไป