ขสมก.ยืดเวลาบอกเวลาสัญญารถเมล์ NGV 489 คัน อีก 1 เดือน หลังหารืออนุฯ กก.กม., บอร์ด ขสมก. และสอบถามกรมบัญชีกลาง, ผู้ตรวจการแผ่นดิน ประสานเสียงให้โอกาสพิสูจน์ถิ่นกำเนิดให้ชัดเจนก่อน หลังเบสท์รินฯ ทำหนังสือขอรับผิดชอบค่าปรับทั้งหมด “ผอ.ขสมก.” จี้กรมศุลฯ เร่งทำหนังสือยันถิ่นกำเนิดเป็นจีน ชี้จะเลิกสัญญาทันที
นายสุระชัย เอี่ยมวชิรสกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหาร (บอร์ด) ขสมก. ที่มี พล.ต.อ.เอก อังสนานนทน์ เป็นประธานวันที่ 22 ก.พ.ว่า ที่ประชุมได้รับทราบความคืบหน้าโครงการจัดซื้อรถโดยสารที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง (NGV) จำนวน 489 คัน ซึ่ง ขสมก.ได้รายงานปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมด โดยบอร์ดให้คำแนะนำว่าให้รอข้อยุติเรื่องถิ่นกำเนิดรถจากกรมศุลกากรอีกสักระยะหนึ่ง ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะให้เวลาในการพิสูจน์ข้อมูลอีกประมาณ 1 เดือนจึงยังไม่มีการยกเลิกสัญญา บริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้ชนะประมูลในขณะนี้
ทั้งนี้ ประเด็นที่ไม่ชัดเจนคือ เรื่องถิ่นกำเนิดรถมาจากประเทศมาเลเซีย หรือจีน ซึ่งหากเป็นจีนจะผิดสัญญาข้อ 2.1 ดังนั้น ขสมก.รอเพียงหลักฐานจากกรมศุลกากร ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 2 ก.พ.ได้ทำหนังสือถึงกรมศุลฯ ให้ช่วยส่งหลักฐานมายืนยันและได้ทำหนังสือทวงถามไปอีกครั้งใน 2 สัปดาห์ต่อมาแต่ยังไม่ได้รับคำตอบใดๆ ซึ่งการที่กรมศุลฯ แถลงข่าวผ่านสื่อมวลชน ทาง ขสมก.ไม่สามารถนำมาใช้เป็นหลักฐานอ้างบอกเลิกสัญญาได้
นายสุระชัยกล่าวว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาผู้ตรวจการแผ่นดินได้เชิญ ขสมก.ไปให้ข้อมูล และได้มีหนังสือถึง ขสมก. ระบุว่า ขสมก.น่าจะให้โอกาสในการหาข้อมูลเพื่อพิสูจน์ความไม่ชัดเจนดังกล่าวเพื่อประโยชน์ของทั้ง ขสมก. คู่สัญญา และประชาชน ซึ่งไม่ได้หมายความว่าห้ามยกเลิกสัญญา หรือให้ขยายสัญญาแต่อย่างใด นอกจากนี้ ขสมก.ได้หารือในคณะอนุกรรมการกฎหมาย ซึ่งมีความเห็นสอดคล้องกันว่า แม้ขณะนี้จะเลยระยะเวลาการส่งมอบแต่มีเหตุที่ยังไม่สามารถตอบคำถามได้ทั้งหมดว่าเบสท์รินฯ ผิดสัญญาข้อถิ่นกำเนิดรถหรือไม่ จึงให้ ขสมก.ทำหนังสือสอบถามกรมบัญชีกลางเรื่องระเบียบการบริหารสัญญา กรณีวงเงินค่าปรับเกิน 10% แต่ทั้งนี้ให้คำนึงถึงประโยชน์ของรัฐ และถ้าผู้ขายได้ทำหนังสือยืนยันรับผิดชอบค่าปรับทั้งหมด ให้สามารถพิจารณาขยายสัญญาได้
“ได้นำเรื่องความเห็นทั้งหมดรายงานบอร์ด ขสมก.วันนี้ ซึ่งบอร์ดไม่ได้มีหน้าที่ในการอนุมัติใดๆ และการบอกเลิกสัญญาเป็นอำนาจของ ผอ.ขสมก. ขณะที่ กก.ตรวจรับฯ ยังไม่มีการรับมอบรถและเห็นว่าควรพิจารณาเพิ่มเติมในเหตุที่ไม่ชัดเจน อยากขอความเห็นใจ ขสมก. เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่ความผิด ขสมก. เราพยายามจัดการให้เสร็จ การบอกเลิกเป็นไปได้ แต่ต้องคำนึงถึงประโยชน์ทั้ง ขสมก. ประชาชน และการบริหารสัญญาที่ถูกต้อง การพิจารณาจึงต้องรอบคอบ”