PTTGC เผยปีนี้รับรู้กำไรจากการซื้อหุ้น 6 บริษัทจาก ปตท. 2.4 พันล้านบาท ขณะที่รายได้ทั้งปีโต 25% จากราคาน้ำมันและค่าการกลั่นสูงขึ้น
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (PTTGC) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 2/2560 มีมติอนุมัติการเข้าซื้อหุ้นในบริษัทที่ดำเนินธุรกิจสายโพรพิลีน สายเคมีภัณฑ์ชีวภาพ และธุรกิจบริการที่เกี่ยวข้องจาก ปตท.จำนวน 6 บริษัท คิดเป็นมูลค่า 2.63 หมื่นล้านบาท ทำผลให้การดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ มีความคล่องตัว ลดขั้นตอนการทำงานและสามารถใช้ทรัพยากรร่วมกัน (Synergy Benefit) ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นในฐานะแกนนำธุรกิจปิโตรเคมี (Petrochemical Flagship) ของ ปตท. คาดว่าจะดำเนินการซื้อขายหุ้นแล้วเสร็จตุลาคมนี้ ทำให้บริษัทรับรู้กำไรประมาณ 2.4 พันล้านบาท
ส่วนโครงการ Map Ta Phut Retrofit เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพและเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันการผลิตโรงงานที่มาบตาพุด จะก่อสร้างโรงงานแนฟทาแครกเกอร์ขนาดกำลังการผลิต เอทิลีนที่ 500,000 ตันต่อปี และโพรพิลีน 261,000 ตันต่อปี โครงการ PO/Polyol เป็นการลงทุนโพลียูรีเทนครบวงจร คาดว่าจะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2562 และโครงการ MAX หรือโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานทั่วทั้งองค์กร คาดว่าจะสร้างกำไรใน 3 ปีนี้ ปีละ 3 พันล้านบาท
สำหรับแผนการลงทุนปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ที่สหรัฐอเมริกา รอความชัดเจนนโยบายประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่คาดมีความชัดเจนในไตรมาส 3-4/2560
แผนการลงทุน 5 ปี (2560-2564) มีวงเงินรวม 150,000 ล้านบาท โดยปีนี้จะใช้เงินลงทุนประมาณ 5 หมื่นล้านบาท มาจากกระแสเงินสดจากการดำเนิน รวมทั้งจะนำบริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) (GGC) เป็นบริษัทแกนนำของธุรกิจเคมีภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม (Green Flagship) เข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ฯ รอจังหวะเหมาะสมหลังยื่นไฟลิ่งเรียบร้อยแล้ว
นายสุพัฒนพงษ์กล่าวต่อไปว่า ผลการดำเนินงานในปีนี้บริษัทฯ คาดว่ารายได้เติบโต 25% จากปีก่อนที่มีรายได้อยู่ 3.45 แสนล้านบาท ตามราคาน้ำมันและค่าการกลั่นที่เพิ่มขึ้น โดยราคาน้ำมันดิบจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ในระดับราคา 52-55 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เหตุผลเนื่องมาจากความต้องการใช้น้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น
ในปี 2559 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 25,602 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25%จากปี 2558 โดยมีปัจจัยหลักจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้บริษัทรับรู้กำไรสต๊อกน้ำมันที่สูงขึ้น มี EBITDA จำนวน 48,147 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8%