รมช.คมนาคมเชื่อยุติปัญหารถเมล์ NGV 489 คัน เสนอบอร์ด ขสมก.ใน 22 ก.พ. เผย ขสมก.อยู่ระหว่างพิจารณาขั้นตอนให้ถูกต้องตามกฎหมาย ระบุปัญหาถิ่นกำเนิดรถอยู่ที่ดุลพินิจของกรรมการตรวจรับ ซึ่งสัญญาไม่ได้ระบุสัดส่วนประกอบในมาเลเซีย
นายพิชิต อัคราทิตย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า หลังจากที่ บริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้ชนะประมูลโครงการจัดซื้อรถโดยสารที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง (NGV) จำนวน 489 คันขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ได้ทำหนังสือถึง ขสมก.เมื่อวันที่ 9 ก.พ. 60 ขอให้ชะลอการยกเลิกสัญญาพร้อมทั้งยินดีรับผิดชอบค่าปรับทั้งหมดรวมถึงอ้างเหตุผลได้พยายามส่งมอบรถโดยสารให้แล้วแต่มีเหตุสุดวิสัย ซึ่งก่อนหน้านี้ ขสมก.ได้ทำหนังสือถึง บริษัท เบสท์รินฯ เมื่อวันที่ 9 ม.ค. 60 เพื่อให้เร่งรัดส่งมอบรถใน 1 เดือนหากไม่ส่งมอบจะยกเลิกสัญญา แต่เมื่อบริษัท เบสท์รินฯ ทำหนังสือขอชะลอดังกล่าวมา ต้องยอมรับว่า ขสมก.ต้องมีการพิจารณา ซึ่งในส่วนของกระทรวงคมนาคมมีนโยบายชัดเจนในเรื่องนี้ว่า ขสมก.ต้องดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย หากไม่สามารถบริหารสัญญาให้ถูกต้องตามกฎหมายได้ก็ควรยกเลิกสัญญา
โดย ขสมก.รายงานว่าจะสรุปเรื่องดังกล่าวให้ได้ข้อยุติ และนำเสนอคณะกรรมการบริหาร (บอร์ด) ขสมก. ซึ่งจะมีการประชุมในวันที่ 22 ก.พ.นี้ ซึ่งระหว่างนี้จะเป็นการพิจารณากระบวนการยกเลิกสัญญาให้เป็นไปตามกฎหมาย ขณะที่คณะกรรมการตรวจรับรถฯ จะต้องดูว่าทำอย่างไรจึงจะเป็นไปตามสัญญาอย่างถูกต้อง รับรถหรือไม่รับ รวมถึงการตีความกรณีที่สัญญาระบุผลิตรถที่จีน ประกอบที่มาเลเซีย แต่ไม่ได้ระบุสัดส่วนการประกอบที่ชัดเจนอยู่ที่ดุลพินิจของคณะกรรมการตรวจรับรถฯ ยืนยันว่าการที่ยังไม่บอกยกเลิกสัญญาในตอนนี้ไม่ได้หมายถึงได้มีการขยายสัญญาให้กับบริษัท เบสท์รินฯ แต่อย่างใด เพียงแต่ยังไม่ได้มีการบอกยกเลิกสัญญาในตอนนี้ เนื่องจากเมื่อมีการโต้แย้ง และขอให้ชะลอการยกเลิกสัญญามา ขสมก.มีกระบวนการภายในที่ต้องพิจารณา
นอกจากนี้ ขั้นตอนการบอกยกเลิกสัญญานั้น ทาง ขสมก.ได้ทำหนังสือสอบถามไปที่กรมบัญชีกลางด้วย เพื่อความชัดเจนว่าแนวทางในการบอกยกเลิกสัญญาอย่างไรที่จะไม่ถูกฟ้องร้อง อย่างไรก็ตาม ในการพิจารณาบอกยกเลิกสัญญาจะมีองค์ประกอบ เช่น ดูเจตนา, มีการปรับเกินวงเงินประกันที่ 10% แล้ว เป็นต้น ส่วนการบอกยกเลิกสัญญาเป็นอำนาจของผู้อำนวยการ ขสมก. โดยอาจจะรายงานบอร์ด ขสมก.ให้รับทราบก่อน
นายชาติชาย ทิพย์สุนาวี ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า หลักการส่งของกรรมการตรวจรับต้องดูว่าของที่ส่งนั้นถูกต้องตามสัญญาหรือไม่ หากไม่ถูกต้องต้องรายงานผู้มีอำนาจต่อ ในระหว่างนี้ยังไม่ได้บอกเลิกสัญญา แต่ไม่ได้ขยายสัญญาให้ เพียงแต่ยังไม่มีการบอกเลิกสัญญาในตอนนี้เท่านั้น เป็นช่วงการพิจารณาจากที่เอกชนโต้แย้งมาว่ามีเหตุผลอย่างไร
เพราะการบอกเลิกสัญญามีเงื่อนไข เช่น ผู้รับจ้างผิดสัญญา หรือส่งมอบของได้ทันตามสัญญา, เสียค่าปรับเกิน 10% ยกเว้นเอกชนยอมเสียค่าปรับโดยไม่มีเงื่อนไข แบบนี้ต้องขึ้นกับดุลพินิจของกรรมการตรวจการจ้าง