“กกพ.” เร่งทำความเข้าใจกระบวนการส่งเสริมให้บุคคลที่ 3 ใช้ท่อก๊าซฯ คลังแอลเอ็นจีตาม TPA Code หวังให้ผู้นำเข้ารายอื่นนอกเหนือ ปตท.ยื่นใช้ให้เกิดการแข่งขันมากขึ้น โดยสามารถลงทะเบียนไว้ก่อนที่จะมีการเปิดใช้ส่วนขยาย 1.5 ล้านตันต่อปีในปี 2562 ปตท.เผยมีผู้สนใจ 2-3 รายนำเข้าแย้ม “กัลฟ์”
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล กรรมการกำกับกิจการพลังงานและในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยในงานสัมมนา Focus Groups Third Party Access Code (TPA code) ที่เปิดให้บุคคลที่สามเข้ามาใช้สถานีบริการแอลเอ็นจีและการเชื่อมต่อระบบท่อส่งก๊าซบนบก ในส่วนของสถานีรับแอลเอ็นจีที่ 1 ส่วนขยาย 1.5 ล้านตันที่จะสร้างเสร็จในปี 2562 ว่า นโยบายดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายรัฐที่ต้องการส่งเสริมให้เกิดการแข่งขันในธุรกิจก๊าซธรรมชาติที่อนาคตการนำเข้าในรูปแบบก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) จะมีมากขึ้น โดยผู้สนใจนำเข้าต้องมาลงทะเบียนกับ กกพ.ซึ่งต้องมีสัญญาซื้อขายก๊าซที่ชัดเจนแล้วจึงไปจองการนำเข้ากับ บ.พีทีทีแอลเอ็นจีและขอใช้ท่อกับ ปตท. ซึ่งระยะแรกจะเปิดให้จองในส่วนของสถานีรับ-จ่ายแอลเอ็นจีส่วนขยาย 1.5 ล้านตันในปี 2562
“คาดว่าจะมีรายใหม่สนใจนำเข้า เช่น การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และเอกชนผู้ผลิตไฟฟ้ารายอื่นๆ ทั้งนี้ ในอนาคตเมื่อสถานีนำเข้าแอลเอ็นจีแห่งที่ 2 ก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2565 อีก 7.5 ล้านตัน ก็จะเปิดให้บุคคลที่สามเข้ามาจองใช้บริการเช่นกัน โดยต่อไปไทยต้องพึ่งพาแอลเอ็นจีมากยิ่งขึ้น เบื้องต้นมีแผนนำเข้า แอลเอ็นจีในอนาคตรวม 31 ล้านตัน” นายวีระพลกล่าว
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าการให้เกิดการแข่งขันที่จะเห็นว่ามีผู้เล่นจำนวนมากนั้นคงจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้ในเร็วๆ นี้เนื่องจากจำเป็นจะต้องปรับระบบอื่นๆ รองรับทั้งหมด ทั้งการปรับโครงสร้างธุรกิจก๊าซฯ รวมไปถึงนโยบายด้านไฟฟ้าที่จะเอื้อในภาพรวม ซึ่งแม้แต่ในอังกฤษเองก็ยังต้องใช้เวลานับ 10 ปี
นายชวลิต พันธ์ทอง ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานและบริหารความยั่งยืน บมจ.ปตท.กล่าวว่า ขณะนี้มีกลุ่มผู้ผลิตไฟฟ้ารายใหญ่ 2-3 รายให้ความสนใจจะนำเข้าแอลเอ็นจีมาใช้เอง เช่น กลุ่มกัลฟ์ เป็นต้น ซึ่งการนำเข้าจะเป็นสัญญาใหม่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับสัญญาเดิม ที่เดิมนั้นโรงไฟฟ้าแต่ละแห่งทำสัญญาระยะยาวกับ ปตท.ไปแล้ว ซึ่งในส่วนของกัลฟ์ในส่วนของไอพีพีใหม่และเก่าก็ล้วนแต่มีสัญญากับ ปตท.ไว้แล้ว
นายโชติ ชูสุวรรณ รองประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ กล่าวว่า บริษัทให้ความสนใจที่จะนำเข้าแอลเอ็นจีในอนาคต โดยต้องรอว่าภาครัฐจะเปิดโครงการผลิตไฟฟ้าในส่วนไอพีพีและเอสพีพีใหม่มากน้อยเพียงใดและบีกริมจะได้เป็นผู้ผลิตไฟฟ้าหรือได้สัญญาลูกค้าก๊าซหรือไม่ แต่ในส่วนล็อตนำเข้าเริ่ม 1.5 ล้านตันนี้ ทางบีกริมคงไม่สามารถนำเข้าได้เพราะการใช้ก๊าซในปัจจุบันได้ลงนามกับ ปตท.ไว้หมดแล้วในส่วนของเอสพีพี 11 แห่ง ปริมาณใช้ก๊าซรวม 220 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน