ร.ฟ.ท.เตรียมปรับตารางเดินรถใหม่ ยุบรวมบางเที่ยวให้สอดคล้องกับจำนวนผู้โดยสาร คาดเริ่มใช้ มี.ค. 60 “วุฒิชาติ” เผยกลยุทธ์ลดค่าใช้จ่าย ขณะที่เร่งยกระดับบริการ เปิดซื้อและจองตั๋วผ่านอินเทอร์เน็ตด้วยระบบ e-TSRT เลือกที่นั่ง และชำระเงินด้วยบัตรเครดิตหรือเดบิตได้ทันที โดยมีค่าบริการ 20-40 บาท/ที่นั่ง คุ้มค่าเพราะช่วยประหยัดเวลาเดินทาง คาดปี 60 มีผู้โดยสารเพิ่มเป็นแสนคน/วัน
นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยว่า ในปี 2559-2560 ร.ฟ.ท.ได้มีการพัฒนาบริการ ทั้งการนำรถโดยสารรุ่นใหม่ 115 คันให้บริการ 4 เส้นทาง การปรับปรุงรถชั้น 3 การก่อสร้างรถไฟทางคู่ทั่วประเทศ ซึ่งเมื่อแล้วเสร็จจะย่นระยะเวลาการเดินทางลง 20% รวมถึงจะมีการจัดหาหัวรถจักรรุ่นใหม่อีกด้วย และขณะนี้ ร.ฟ.ท.อยู่ระหว่างปรับปรุงตารางการเดินรถใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับจำนวนและความต้องการใช้บริการของผู้โดยสารในแต่ละเส้นทางและขบวนรถที่มีในปัจจุบัน โดยนำข้อมูลการเดินทางในแต่ละเส้นทางย้อนหลัง 1-2 ปีมาพิจารณาประกอบ ซึ่งอาจจะมีการยุบรวมขบวนในบางเส้นทางเพื่อให้เหมาะสม จากเดิมที่ทำการเดินรถในเวลาใกล้เคียงกัน ซึ่งแนวทางดังกล่าวจะทำให้ควบคุมค่าใช้จ่ายของ ร.ฟ.ท.ได้ และคาดว่าจะใช้ตารางเดินรถใหม่ในเดือน มี.ค.นี้เพื่อรองรับการเดินทางช่วงสงกรานต์
และตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. 2560 เป็นต้นไป ร.ฟ.ท.จะเปิดให้บริการจองและซื้อตั๋วโดยสารผ่านระบบอินเทอร์เน็ตด้วยระบบ E-Ticket (e-TSRT) ผ่านหน้าเว็บไซต์การรถไฟฯ www.railway.co.th หรือ www.thairailwayticket.com เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้โดยสารในการใช้บริการซื้อหรือจองตั๋วโดยสารรถไฟล่วงหน้าผ่านทางอินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นการพัฒนาระบบให้บริการจากเดิมที่สามารถจองตั๋วรถไฟได้จากการซื้อที่สถานีรถไฟทั่วประเทศ, ซื้อผ่านตัวแทนจำหน่าย และโทร.ผ่านสายด่วน Call Center 1690 โดยการจองตั๋วด้วยระบบ e-TSRT จะสามารถเลือกที่นั่ง และชำระเงินผ่านบัตรเครดิตทั้งระบบวีซ่า, มาสเตอร์การ์ด, เจซีบี และบัตรเดบิตของธนาคารกรุงเทพ โดยมีค่าบริการ สำหรับตั๋วโดยสารชั้น 1 ค่าบริการ 40 บาทต่อ 1 ที่นั่ง ตั๋วโดยสารชั้น 2 ค่าบริการ 30 บาทต่อ 1 ที่นั่ง และตั๋วโดยสารชั้น 3 ค่าบริการ 20 บาทต่อ 1 ที่นั่ง
ทั้งนี้ ร.ฟ.ท.ได้รับความร่วมมือจากบริษัท ปรีดาปราโมทย์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้พัฒนาระบบเดิม เป็นผู้จัดทำระบบ E-Ticket (e-TSRT) โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ส่วนการจัดเก็บค่าบริการในการซื้อหรือจองตั๋วผ่าน e-TSRT ดังกล่าวเป็นค่าธรรมเนียมปกติ โดยมีส่วนที่หักเป็นค่าธรรมเนียมให้ธนาคาร 1.80 บาทต่อที่นั่ง ซึ่งเมื่อเทียบกับการประหยัดเวลาในการเดินทางแล้วถือว่าคุ้มค่า โดยประเมินว่าจะมีผู้ใช้บริการ e-TSRT 50% ของผู้โดยสารทั้งหมด และในอนาคตจะมีการพัฒนาไปสู่การซื้อและจองตั๋วผ่านสมาร์ทโฟน
นายทนงศักดิ์ พงษ์ประเสริฐ รองผู้ว่าการกลุ่มธุรกิจการเดินรถ ร.ฟ.ท.กล่าวว่า ขณะนี้จำนวนผู้โดยสารรถไฟเฉลี่ยที่ประมาณ 8.5-9 หมื่นคน/วัน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 59 เล็กน้อยที่มีประมาณ 8 หมื่นคน/วัน มีรายได้ประมาณ 3,600 ล้านบาท/ปี โดยคาดว่าปี 60 จะมีผู้โดยสารเฉลี่ยที่ 1 แสนคน/วัน (36.5 ล้านคน/ปี) รายได้เพิ่มเป็น 3,800 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากการปรับปรุงตารางเดินรถใหม่
สำหรับเงื่อนไขการจองและซื้อตั๋วผ่านระบบอินเทอร์เน็ต (e-TSRT) จะให้บริการเฉพาะตั๋วผู้ใหญ่ (เต็มราคาที่ไม่ใช้สิทธิ์ลดราคาใดๆ) และตั๋วเด็ก (มีสิทธิ์ลดราคา 50% และมีส่วนสูงตั้งแต่ 100 เซนติเมตรขึ้นไปและไม่เกิน 150 เซนติเมตรเท่านั้น) และให้บริการจองตั๋วได้เฉพาะขบวนรถเชิงพาณิชย์ใน 3 เส้นทาง (ไม่รวมขบวนรถนำเที่ยวและรถไฟฟรี) ได้แก่ เส้นทางสายเหนือ เส้นทางสายตะวันออกเฉียงเหนือ เส้นทางสายใต้
ส่วนวิธีการจอง อันดับแรกผู้โดยสารต้องสมัครสมาชิกที่ระบบ e-TSRT ก่อนเพื่อใช้ในการสำรองที่นั่ง โดยมีระยะเวลาการจำหน่ายตั๋วและสำรองที่นั่งได้ล่วงหน้าไม่เกิน 60 วัน จนถึงอย่างช้าก่อนขบวนรถออก 2 ชั่วโมง สามารถสำรองที่นั่งได้ 4 ที่นั่งต่อการทำรายการ 1 ครั้ง สามารถเลือกที่นั่งได้เองหรือให้ระบบทำการเลือกที่นั่งให้โดยอัตโนมัติ และที่สำคัญเมื่อทำรายการจบผู้โดยสารต้องสั่งพิมพ์ตั๋วที่ได้จากระบบเพื่อใช้เป็นหลักฐานยืนยันในวันเดินทางด้วย ไม่สามารถแสดงตั๋วผ่านสมาร์ทโฟนได้ ขณะที่วิธีการชำระเงินค่าตั๋ว สามารถเลือกชำระได้ผ่านบัตรเครดิตทั้งระบบวีซ่า, มาสเตอร์การ์ด, เจซีบี และบัตรเดบิตของธนาคารกรุงเทพ โดยมีค่าบริการ ดังนี้ ตั๋วโดยสารชั้น 1 ค่าบริการ 40 บาทต่อ 1 ที่นั่ง ตั๋วโดยสารชั้น 2 ค่าบริการ 30 บาท ต่อ 1 ที่นั่ง และตั๋วโดยสารชั้น 3 ค่าบริการ 20 บาทต่อ 1 ที่นั่ง
ส่วนการยกเลิกการเดินทางและขอคืนเงิน ผู้โดยสารสามารถยกเลิกการเดินทางและขอคืนเงินผ่านระบบ e-TSRT โดยจะมีการโอนเงินที่ได้คืนเข้าสู่บัญชีบัตรเครดิต/เดบิตที่ใช้ในการซื้อ หรือผู้โดยสารสามารถนำตั๋วไปยกเลิกการเดินทางและขอคืนเงินได้ที่สถานีรถไฟทุกสถานี โดยเจ้าหน้าที่ที่สถานีจะทำการรับเรื่องไว้ และจะทำการคืนเงินเข้าสู่บัญชีบัตรเครดิต/เดบิตที่ใช้ในการซื้อเช่นกัน โดยการยกเลิกการเดินทางและขอคืนเงินมีค่าบริการราคาเดียวกันกับขั้นตอนการจองตั๋ว