“พาณิชย์” ยอมรับข้าราชการฉกภาพวาดที่โรงแรมญี่ปุ่นเป็นข้าราชการของพาณิชย์จริง สั่งทูตพาณิชย์ที่โอซากาประสานขอเข้าพบ 26 ม.ค.นี้ พร้อมทำงานร่วมกับสถานทูตไทยและสถานกงสุลไทยในโอซากา เพื่อให้ความช่วยเหลือ ยันต้องได้ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นทั้งหมดก่อน ถึงจะดำเนินการเอาผิดทางวินัยได้ “ปลัดพาณิชย์” มอบกรมทรัพย์สินทางปัญญา ตั้งกรรมการสอบวินัยเอง วงในเผยล่าสุดยอมจ่ายค่าปรับให้โรงแรมแล้วกลับบ้าน
นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยถึงกรณีข่าวรองอธิบดีถูกจับขโมยภาพในโรงแรมที่ญี่ปุ่น ว่ากระทรวงพาณิชย์ได้รับรายงานจากกระทรวงการต่างประเทศว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจญี่ปุ่นได้ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยเป็นชายไทย และเป็นผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงพาณิชย์จริงตามที่ปรากฏเป็นข่าว หลังจากได้ขโมยภาพวาดในโรงแรมที่พัก โดยหลังจากรับทราบกระทรวงพาณิชย์ได้สั่งการให้สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ นครโอซากา ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศญี่ปุ่น และสถานกงสุลไทยในโอซากาในการให้ความช่วยเหลือ และจะประสานกับทางการญี่ปุ่นขอเข้าพบข้าราชการคนดังกล่าวในวันที่ 26 ม.ค.นี้ แต่ยังไม่ได้รับคำตอบว่าจะให้เข้าพบได้หรือไม่
ทั้งนี้ ตนซึ่งเป็นผู้บริหารโดยตรงยังไม่สามารถติดต่อกับข้าราชการคนดังกล่าวได้ จึงไม่รู้ว่าทำผิดจริงหรือไม่ ทำไปเพราะเหตุใด และขโมยภาพวาดอะไร แต่หากขั้นตอนทางกฎหมายของญี่ปุ่นได้ข้อยุติ และข้าราชการคนดังกล่าวเดินทางกลับมาประเทศไทยก็น่าจะได้รับทราบข้อเท็จจริงทั้งหมด และจะดำเนินการต่างๆ ตามขั้นตอนของกฎระเบียบของข้าราชการต่อไป
สำหรับขั้นตอนดำเนินการตามกฎหมายของญี่ปุ่น ทราบว่ามีระยะเวลาอยู่พอสมควร เช่น เมื่อเจ้าหน้าที่จับกุมตัวผู้ต้องสงสัยแล้วจะทำสำนวนคดีและส่งตัวผู้ต้องสงสัยให้อัยการภายใน 48 ชั่วโมง จากนั้นอัยการจะทำเรื่องก่อนส่งฟ้องศาลภายใน 24 ชั่วโมง และอัยการดำเนินการส่งฟ้องศาลภายใน 20 วัน เป็นต้น
“เรื่องนี้อยู่ในขั้นตอนของกฎหมายญี่ปุ่น และไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลาดำเนินนานเท่าไหร่ แต่ตามกฎระเบียบข้าราชการ เวลาข้าราชการไปประชุมต่างประเทศจะไม่มีเอกสิทธิ์คุ้มครองเหมือนข้าราชการที่ไปประจำในต่างประเทศ และข้าราชการคนดังกล่าว ได้ไปญี่ปุ่นด้วย 2 ภารกิจ คือ เดินทางเพื่อเข้าร่วมประชุมงานด้านทรัพย์สินทางปัญญาของภาครัฐ และมหาวิทยาลัยของญี่ปุ่นเชิญไปร่วมประชุมเรื่องการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของภาครัฐ ระหว่างวันที่ 20-25 ม.ค. 2560 โดยมีกำหนดเดินทางกลับไทยวันที่ 25 ม.ค. 2560 แต่ได้เลื่อนการเดินทางกลับอย่างไม่มีกำหนด”
นายทศพลกล่าวว่า การดำเนินการขั้นต่อไปของกรมฯ หากมีการพิจารณาตามกฎหมายของญี่ปุ่นแล้วเสร็จ และได้ข้อมูลชัดเจนแล้วว่าข้าราชการคนดังกล่าวกระทำความผิดจริงหรือไม่ ผิดข้อหาอะไรก็จะพิจารณาดำเนินการเอาผิดต่อไป ซึ่งโทษทางวินัยมีตั้งแต่เบาไปหาหนัก เช่น ภาคทัณฑ์ ตัดเงินเดือน ลดเงินเดือน ปลดออก และให้ออก แต่ขณะนี้ยังไม่อยากพูดไปก่อนว่ากรณีนี้จะผิดโทษวินัยร้ายแรงจนถึงขั้นต้องให้ออกหรือไม่
ด้าน น.ส.วิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กรณีนี้คงต้องรอทางการญี่ปุ่นสอบสวนข้อเท็จจริงก่อน หลังจากนั้นจะมอบหมายให้กรมทรัพย์สินทางปัญญาในฐานะหน่วยงานที่รับผิดชอบตรงสอบสวนข้อเท็จจริงอีกครั้งเพื่อดำเนินการตามระเบียบวินัยของข้าราชการกระทรวง โดยต้องให้ความเป็นธรรมกับข้าราชการคนดังกล่าว เพราะขณะนี้ยังไม่ทราบถึงเหตุผลที่แท้จริงของข้อกล่าวหาที่เกิดขึ้น
“กระทรวงฯ มีขั้นตอนดำเนินการอยู่แล้ว โดยได้มอบให้กรมทรัพย์สินทางปัญญาไปตรวจสอบข้อเท็จจริง เพราะเป็นหน่วยงานบังคับบัญชาของข้าราชการคนนั้นโดยตรง ส่วนจะมีโทษวินัยอย่างไร ต้องรอผลของทางการญี่ปุ่นออกมาก่อน ส่วนที่ว่าจะเสื่อมเสียภาพลักษณ์ของกระทรวงพาณิชย์หรือไม่ มองว่าไม่น่าจะเกี่ยวข้องกัน เพราะเหตุการณ์นี้เป็นเรื่องส่วนบุคคล และเป็นเวลานอกราชการ อีกทั้งข้าราชการคนดังกล่าวก็เป็นผู้มีความรู้ความสามารถ ประวัติการทำงานดีมาโดยตลอด ดังนั้นจึงอยากให้รอสาเหตุของการสอบสวนออกมาก่อน” น.ส.วิบูลย์ลักษณ์กล่าว
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์แจ้งว่า ได้รับประสานจากกระทรวงการต่างประเทศว่า ขณะนี้ข้าราชการคนดังกล่าวได้มีการยอมรับผิดกับทางการญี่ปุ่นแล้ว ซึ่งตามกระบวนการน่าจะจ่ายค่าปรับให้กับทางโรงแรมเจ้าของภาพวาดที่ขโมยมา และเดินทางกลับประเทศไทยได้ในเร็วๆ นี้
สำหรับข้าราชการที่ถูกจับกุมดังกล่าว ตามข่าวระบุว่า คือ นายสุภัฒ สงวนดีกุล รองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา