กรมธุรกิจพลังงานรอลุ้น “สนพ.” หาทางขึ้นภาษีสรรพสิตแอลพีจีภาคขนส่ง เสนอ “กบง.” ย้ำหลักการต้องให้เป็นธรรมกับผู้ใช้น้ำมัน พร้อมยังเกาะติดปริมาณเอทานอลใกล้ชิดแม้จะคลี่คลายแต่ก็ยังหวั่นใจ แย้มอาจทบทวนการยกเลิกขายแก๊สโซฮอล์ 91 ระหว่างทางได้ลุ้น กบง.เคาะ
นายขจรชัย ผดุงศุภไลย รองอธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ ธพ.ได้เสนอไปยังสำนักนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ขอให้หาแนวทางการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตแอลพีจีภาคขนส่งเพื่อเสนอต่อคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ที่มี พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตร์ รมว.พลังงานเป็นประธาน หลังจากที่กฎหมายไม่เปิดช่องให้เก็บภาษีฯ ที่หัวจ่ายได้ รวมถึงการยกเลิกขายแก๊สโซฮอล์ 91 ที่วางเป้าหมายไว้ ม.ค. 2561 นั้นจะทบทวนหรือไม่อย่างไร
“เดิม ธพ.คิดแนวทางการขึ้นภาษีสรรพสามิตพลังงานภาคขนส่งจะต้องสะท้อนตามค่าความร้อนเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ผู้ใช้น้ำมัน ซึ่งน้ำมันจะเก็บภาษีฯ เฉลี่ย 4-5 บาทต่อลิตร แต่แอลพีจีเก็บเพียง 1 บาทต่อลิตรเท่านั้นทั้งที่ค่าความร้อนเทียบน้ำมันไม่ต่างกันมากนักจึงควรเก็บที่หัวจ่ายแต่แนวทางนี้ทำไม่ได้ ซึ่งการหาแนวทางว่าจะทำอย่างไรเป็นหน้าที่ สนพ.” นายขจรชัยกล่าว
สำหรับการยกเลิกจำหน่ายแก๊สโซฮอล์ 91 นั้นเดิมตามแผนกำหนดที่จะต้องประกาศเพื่อให้ผู้ค้าน้ำมันเตรียมตัว 1 ปีโดยจะประกาศสิ้นปี 2559 และให้มีผลบังคับ 1 ม.ค. 61 แต่จากปัญหาเอทานอลตึงตัวในช่วงสิ้นปีทำให้ไม่สามารถประกาศได้ และขณะนี้ยังคงติดตามปริมาณเอทานอลใกล้ชิดแม้ว่าขณะนี้จะเริ่มคลี่คลายแต่ก็ยังคงไม่สามารถตัดสินใจได้ โดยอาจจะต้องมาทบทวนปริมาณเอทานอลให้แน่ชัดก่อนส่วนจะเลื่อนจากปี 2561 หรือไม่คงยังตอบไม่ได้ แต่ปลายแผนปี 2579 นั้นจะยังคงกรอบเดิมแต่ระหว่างทางอาจมีการปรับเปลี่ยนได้เช่นกัน
นายขจรชัยกล่าวว่า แนวโน้มสถานีบริการแอลพีจีปีนี้คาดว่าจะทรงตัวในระดับ 2,090 แห่งหรืออาจลดลงเล็กน้อย โดยที่ผ่านมามีการปรับตัวลดลงต่อเนื่องเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 10% จากที่เคยอยู่ระดับสูงสุด 2,400-2,500 แห่งเนื่องจากราคาน้ำมันที่ต่ำประกอบกับรัฐมีแนวทางการลอยตัวราคาแอลพีจีสะท้อนกลไกตลาดโลกทำให้ส่วนต่างราคาน้ำมันและแอลพีจีแคบลงไม่เอื้อให้เกิดปั๊มใหม่ๆ
“2 ปีที่ผ่านมาราคาน้ำมันลดคนก็หันมาเติมมากขึ้น และลดการใช้แอลพีจี และกลไกของราคาน้ำมันและแอลพีจีก็จะสะท้อนตลาดโลกส่วนต่างก็จะไม่ต่างกันมาก ปั๊มน้ำมันปัจจุบันมีอยู่ราว 2.57 หมื่นแห่ง ปกติจะเติบโตตามทิศทางเศรษฐกิจเฉลี่ยปีละ 3-4% ส่วนปั๊มแอลพีจี 2 ปีมานี้ลดลง” นายขจรชัยกล่าว
นายวิสูตร ชินรัตนลาภ ผู้อำนวยการสำนักความปลอดภัยแอลพีจี กล่าวว่า แนวโน้มปั๊มแอลพีจีน่าจะหายลงไปได้อีกจากปัจจุบันและมีโอกาสเหลือเพียง 1,000 กว่าแห่งในอนาคตอันใกล้ เพราะขณะนี้สถานที่สร้างปั๊มแอลพีจีส่วนหนึ่งเป็นการเช่าที่ระยะยาวหากต่อสัญญาใหม่จะแพงขึ้นไม่คุ้มค่า และที่ส่วนใหญ่ติดถนนโดยเฉพาะในเขต กทม.ปั๊มแอลพีจีลดไปมากเพราะที่แพงมีการนำไปสร้างคอนโดมิเนียมเป็นส่วนใหญ่