“พาณิชย์” ประกาศใช้มาตรการเซฟการ์ดเรียกเก็บอากรขาเข้าเหล็ก H-Beam เจืออัลลอย ปีที่ 1 อัตรา 31.43% และปีที่ 2 อัตรา 31.05% จากทุกประเทศเป็นเวลา 2 ปี หลังอุตสาหกรรมภายในร้องเรียนมีการนำเข้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนอุตสาหกรรมเสียหาย
น.ส.วิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะกรรมการคณะกรรมการพิจารณามาตรการปกป้อง (คปป.) เปิดเผยว่า ในการประชุม คปป. เมื่อวันที่ 20 ม.ค.ที่ผ่านมา ที่ประชุมได้พิจารณาผลการไต่สวนชั้นที่สุด กรณีการพิจารณาใช้มาตรการปกป้อง (เซฟการ์ด) จากการนำเข้าสินค้าเหล็กโครงสร้างรูปพรรณรีดร้อนเจืออัลลอยหน้าตัดรูปตัว H (H-Beam เจืออัลลอย) ที่เพิ่มขึ้นมาก โดยมีมติให้ประกาศเรียกเก็บอากรขาเข้าสินค้าดังกล่าวที่ไทยนำเข้าจากทุกประเทศ เป็นระยะเวลา 2 ปี ในอัตรา ปีที่ 1 ที่ 31.43% ของราคานำเข้าแบบซีไอเอฟ (ราคาสินค้าที่รวมค่าประกันภัย และค่าระวางเรือ) และปีที่ 2 ที่ 31.05% เพราะพบว่าไทยได้นำเข้าสินค้าดังกล่าวที่เพิ่มขึ้นมากอย่างต่อเนื่อง และก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงที่คุกคามอุตสาหกรรมภายในของไทย
ทั้งนี้ มีข้อยกเว้นไม่เรียกเก็บอากรขาเข้าดังกล่าวสำหรับสินค้าที่นำเข้ามาผลิตเพื่อส่งออก และสินค้าที่มีความจำเป็นในการใช้งานที่มีข้อจำกัดและมีลักษณะเฉพาะตามคุณสมบัติความทนทานต่อแรงดึง และความหนาของหน้าแปลน รวมถึงเหล็กที่มีความสูงเกิน 912 มิลลิเมตร (มม.) ขึ้นไป
อย่างไรก็ตาม ในการวินิจฉัยผลชั้นที่สุด คปป.ได้พิจารณาจากข้อมูลและข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ซึ่งรวมถึงข้อมูลจากผู้มีส่วนได้เสีย ทั้งผู้นำเข้า ผู้ส่งออกจากต่างประเทศ และผู้ผลิตสินค้าในประเทศ โดยพบว่ามีความเสียหายเกิดขึ้นจริง แต่ไม่สามารถเปิดเผยตัวเลขการนำเข้าที่เพิ่มขึ้น หรือยอดขายของผู้ผลิตของไทยที่ลดลงได้ เพราะมีผลต่อรูปคดีที่อาจมีการฟ้องร้องกันได้
“การใช้มาตรการเซฟการ์ดนี้กำหนดให้ผู้ผลิตภายในของไทยต้องมีแผนปรับตัวรองรับผลกระทบที่เกิดขึ้น โดยผู้ประกอบการเสนอที่จะลดต้นทุนสินค้า ปรับปรุงคุณภาพสินค้าให้ดีขึ้น และสร้างความพอใจให้แก่ผู้บริโภคให้มากขึ้น เพื่อให้ผู้ซื้อหันกลับมาซื้อสินค้าภายในประเทศ”
สำหรับการไต่สวนดังกล่าว เกิดขึ้นหลังจากอุตสาหกรรมการผลิตเหล็กชนิดดังกล่าวของไทยได้ร้องเรียนมายังกระทรวงพาณิชย์ว่ามีการนำเข้าสินค้าดังกล่าวจากต่างประเทศเข้ามาในปริมาณมากและเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการนำเข้าจากจีน จนทำให้อุตสาหกรรมภายในของไทยได้รับความเสียหายจากยอดขายที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหลังจากเปิดการไต่สวนแล้ว คปป.ได้ประกาศผลการไต่สวนขั้นต้น โดยกำหนดใช้มาตรการปกป้องเป็นระยะเวลา 3 ปี เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมภายในไม่ให้ได้รับความเสียหาย และเปิดโอกาสให้อุตสาหกรรมภายในของไทยได้ปรับตัวรองรับความเสียหายที่เกิดขึ้น
จากนั้นในการประชุมเพื่อพิจารณาประกาศผลการไต่สวนขั้นที่สุด ที่ประชุมได้พิจารณาข้อมูลเพิ่มเติมในเรื่องการแก้ไขมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมของกระทรวงอุตสาหกรรม ที่ควบคุมเรื่องการเจือธาตุอัลลอยเพิ่มเติมจากมาตรฐานเดิม ที่จะมีผลควบคุมถึงสินค้าเหล็ก H-Beam เจืออัลลอย และจะมีผลใช้บังคับในเร็วๆ นี้ คปป.จึงเห็นควรให้กำหนดมาตรการปกป้องเพียงเท่าที่จำเป็น ดังนั้นจึงลดระยะเวลาการใช้มาตรการเซฟการ์ดเหลือเพียง 2 ปีเท่านั้น