“คมนาคม-กพท.” ขู่แอร์ไลน์เร่งยกระดับมาตรฐานการบิน เดินหน้าออก AOC ใหม่ 23 สาย เผยหากพบมีปัญหาการเงิน-การให้บริการ หรือ AOC เดิมหมดอายุ ถูกตัดจากบัญชี Re-AOC ทันที “กพท.” ประเมินเสร็จ 9 สายแรกช่วง มิ.ย. เชิญ ICAO ตรวจซ้ำปลดธงแดงทันที ขณะที่เตรียมพร้อมรับตรวจระบบความปลอดภัยสนามบินช่วง ก.ค. เชื่อ ICAO สุ่มตรวจสนามบิน ทอท.
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาการบินพลเรือน ว่าสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) หรือ CAAT ได้รายงานความคืบหน้าการออกใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศ (AOC Re-certification) ที่ขณะนี้สายการบินกลุ่มแรก คือ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน), บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส และสายการบินไทยแอร์เอเชีย เข้าสู่การตรวจเฟสสุดท้ายของขั้นตอนที่ 4 (การตรวจสอบการปฏิบัติการบิน และตรวจสำนักงาน ซึ่งจะมีการตรวจสอบภาคอากาศ การปฏิบัติการบินจริงตามเอกสารและคู่มือในเดือน ม.ค.นี้ และจะเข้าสู่ขั้นที่ 5 การประชุมสรุป เพื่อออกใบรับรอง AOC ใหม่ในเดือนก.พ.-มี.ค. 2560
ขณะที่กลุ่มที่ 2 อีก 3 สายการบิน คือ เค-ไมล์ แอร์, สายการบินนกแอร์, โอเรียนท์ไทย แอร์ไลน์ และกลุ่มที่ 3 ได้แก่ นกสกู๊ต, ไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ และไทยสมายล์ ผ่านขั้นตอนการตรวจสอบเอกสารและจะทยอยเข้าสู่ขั้นตอนที่ 4 และ 5 ได้รับการ Re- AOC ใหม่ ในช่วงเดือน มิ.ย. 60 โดยตามแผนเมื่อสามารถ Re- AOC ได้ 9 สายการบินซึ่งอยู่ใน 3 กลุ่มแรก คาดว่าเป็นช่วงเดือน มิ.ย. 60 กพท.จะเชิญองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) มาตรวจซ้ำเพื่อปลดธงแดง โดย ICAO จะใช้เวลาพิจารณาไม่เกิน 90 วัน
นอกจากการแก้ไขข้อบกพร่องที่มีนัยสำคัญต่อความปลอดภัย (SSC) ใน 33 ข้อ จาก 572 ข้อแล้ว ในการปลดธงแดงยังมีองค์ประกอบอื่นที่เกี่ยวข้องอีก เช่น การสร้างระบบและองค์กรกำกับดูแลที่ยั่งยืนและเป็นไปตามมาตรฐานสากล ซึ่งได้มีกาปรับแก้ พ.ร.บ.เดินอากาศ พ.ศ. 2497 และ พ.ร.บ.เดินอากาศ แก้ไขเพิ่ม พ.ศ. 2558 โดย กพท.ได้ยกร่างใหม่ เป็น พ.ร.บ.การบินพลเรือน พ.ศ. ... ซึ่งกระทรวงอยู่ระหว่างพิจารณาคาดว่าจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ต้นเดือน ก.พ.นี้ จากนั้นจะเสนอต่อไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ต่อไป ซึ่ง พ.ร.บ.ใหม่จะเป็นการปฏิรูปกฎหมายการบินพลเรือนจากเดิมที่มีรายละเอียดมาก เป็นแบบโครงสร้างที่เขียนเฉพาะบทหลักๆ ส่วนรายละเอียดจะออกเป็นกฎหมายลูก กฎกระทรวง ประกาศแทนเพื่อให้เกิดความยืดหยุ่น และพร้อมสำหรับการปรับแก้ได้ทันที หาก ทาง ICAO มีการแก้กฎข้อบังคับต่างๆ ซึ่งการปรับปรุงเหล่านี้แสดงให้ ICAO เห็นว่า ไทยจริงจังต่อการแก้ปัญหาการบิน
นอกจากนี้ ยังต้องเตรียมความพร้อมรับโครงการตรวจสอบด้านการรักษาความปลอดภัย (Universal Security Audit Programme : USAP) ของ ICAO ช่วงเดือน ก.ค. 60 ซึ่งจะเป็นเรื่องการรักษาความปลอดภัยมาตรฐานในการเข้าถึงสนามบิน บุคลากรด้านการรักษาความปลอดภัย โดย กพท.ได้ทำแผนแม่บท รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ และทำความเข้าใจเพื่อให้ทุกหน่วยงานและสายการบินที่เกี่ยวข้องใช้เป็นแนวทางเพื่อความมั่นใจทั้งด้านทฤษฎี ปฏิบัติ ที่จะมีขั้นตอนการปฏิบัติงานมาตรฐาน (Standard Operating Procedures: SOP) ทั้งนี้ คาดว่า ICAO จะสุ่มตรวจสนามบินของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. และสนามบินของกรมท่าอากาศยาน (ทย.)
“ใน 2-3 เดือนนี้จะต้องมีการซ้อมแผนเพื่อรับการตรวจระบบการรักษาความปลอดภัยสนามบิน ระบบการเข้าออกสนามบิน เช่น บางครั้งจะเห็นว่าทำไมมีคนจำนวนมากเข้าไปรับวีไอพีได้ถึงพื้นที่การบิน (Airside) การออกบัตรให้เข้าพื้นที่เป็นอย่างไร วีไอพีคนเดียวเข้าไปรับ 10 กว่าคน หรือพนักงาน outsource มีการตรวจสอบเข้าออกพื้นที่อย่างไร เหล่านี้คือมาตรฐานระบบรักษาความปลอดภัย คาดว่าจะตรวจสนามบิน ทอท.มากกว่า ทย. แต่จะใช้โอกาสนี้ปรับปรุงยกระดับมาตรฐานทั้งเครื่องมือ อุปกรณ์ บุคลากรของสนามบิน ทย.ซึ่งจะต้องใช้เงินลงทุนกว่าหมื่นล้านบาท”
นายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการ กพท.กล่าวว่า ขณะนี้มี 23 สายการบินที่อยู่ในขั้นตอน Re-AOC ซึ่งเป้าจะเสร็จสิ้นในเดือน ม.ค. 2561 และจะเร่ง Re-AOC กับ 9 สายการบินหลักที่ทำการบินระหว่างประเทศ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนผู้โดยสารกว่า 70% เพื่อให้ ICAO มาตรวจซ้ำ ส่วนที่เหลือจะมีกลไกลในการตรวจสอบ เช่นหากในระหว่าง Re-AOC มีสายการบินใดถูกยกเลิกใบอนุญาตกิจการ (AOL) จะทำให้ AOC ถูกยกเลิกไปด้วยซึ่งจะต้องถูกตัดออกจากบัญชี Re-AOC ซึ่งกรณีนี้เป็นอำนาจของ รมว.คมนาคม หรือ AOC ที่มีอยู่ หมดอายุ หรือถูกพักใช้ AOC เนื่องจากมีปัญหาสถานภาพในการประกอบธุรกิจ ฐานะการเงิน มีปัญหา ธุรกิจไปไม่รอด จะตัดออกจากบัญชี Re-AOC และไปรอต่อคิวขอ AOC ใหม่ สุดท้ายอาจจะมีสายการบินไม่ถึง 23 สายที่ได้รับการ Re-AOC