“คมนาคม” เล็งให้ บขส.นำร่องซื้อรถไมโครบัส 50-60 คันมาวิ่งแทนรถตู้โดยสารหมวด 2 ก่อน ขณะที่ “พิชิต” ยอมรับการเปลี่ยนผ่านรถตู้ บขส.กว่า 4,000 คันไปเป็นไมโครบัสต้องใช้เวลา เหตุรถไมโครบัสยังไม่มีรองรับทันที ส่วนผู้ประกอบการขาดเงินทุน อาจต้องหาแหล่งเงินช่วย ด้านคณะทำงานจัดระเบียบรถตู้เร่งทำบัญชีกำหนดสถานีขนส่งปลายทาง 29 จังหวัด รวมถึงจุดจอดเป็นสถานีขนส่งชั่วคราวเหมือนส่วนกลาง ขีดเส้นส่งข้อมูลใน 31 ม.ค. 2560 กำหนดมาตรการตรวจสอบความปลอดภัยของตัวรถ (Checklist) กว่า 20 รายการ สร้างเชื่อมั่นเดินทางปลอดภัยตลอดปี ทุกเทศกาล
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ขณะนี้ได้เข้มงวดมาตรฐานความปลอดภัยเกี่ยวกับตัวรถตู้โดยสารสาธารณะให้มากขึ้น เช่น ไม่จดทะเบียนรถตู้โดยสารสาธารณะใหม่ การบังคับให้ทุกคันต้องติดสัญญาณติดตามดาวเทียม (GPS) เรียบร้อยภายในวันที่ 31 มี.ค.นี้ ส่วนรถที่มีอายุครบ 7 ปีจะต้องเข้าสู่การเปลี่ยนแปลง
ด้านนายพิชิต อัคราทิตย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ได้มอบหมายให้ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) จัดหารถไมโครบัสจำนวน 50-60 คันมาเป็นการนำร่องเพื่อให้บริการประชาชนก่อน เนื่องจากการปรับเปลี่ยนรถตู้โดยสารสาธารณะหมวด 2 ที่วิ่งให้บริการระหว่างกรุงเทพฯ-ต่างจังหวัดที่มีอยู่กว่า 4,000 คัน ในคราวเดียว เป็นไปได้ยากเพราะรถไม่มีจำนวนมากเพียงพอ จะต้องวางแผนเรื่องการจัดหาก่อน นอกจากนี้ รถตู้โดยสาร หมวด 2 ซึ่งเป็นคู่สัญญากับ บขส.มีประมาณ 50% เป็นรถส่วนบุคคล ซึ่งยังไม่มีความพร้อมด้านเงินทุน ดังนั้นจึงใช้รูปแบบของความสมัครใจก่อน โดยกระทรวงฯ กำลังพิจารณาจัดหาแหล่งเงินช่วยเหลือให้ รวมทั้งอาจจะหามาตรการจูงใจในการเปลี่ยน เช่น การขยายอายุสัมปทานการเดินรถให้กับรายที่ยอมปรับเปลี่ยนมาใช้ไมโครบัสแทน
โดยในวันที่ 18 ม.ค. กรมการขนส่งทางบกจะรายงานโครงการศึกษาความปลอดภัยในการใช้รถตู้โดยสารซึ่งจะมีรายละเอียดมากขึ้น
พล.ต.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม.2รอ.) และคณะทำงานเพื่อพิจารณาปัญหาการดำเนินการจัดระเบียบรถตู้โดยสารสาธารณะ นายเชิดชัย สนั่นศรีสาคร รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก พร้อมด้วย พ.ต.อ.จักษ์ ยังให้ผล ผู้กำกับกลุ่มงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และนายณัฐวุฒิ อ่อนน้อม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายบริหารการเดินรถ บริษัท ขนส่ง จำกัด ได้ประชุมเพื่อตรวจสอบจำนวนรถตู้โดยสารประจำทางในแต่ละเส้นทางให้ตรงกับบัญชีรายละเอียดรถในใบอนุญาตประกอบการขนส่ง (บัญชี ขส.บ.11) พร้อมชี้แจงแนวทางการปฏิบัติการนำรถตู้โดยสารประจำทาง (เฉพาะหมวด 2) เข้าสถานีขนส่งปลายทาง 29 จังหวัด รวมถึงการกำหนดจุดจอดเป็นสถานีขนส่งชั่วคราว ตามนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)
โดยนายเชิดชัย สนั่นศรีสาคร รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยเพิ่มเติมว่า หลังจากได้ดำเนินการย้ายจุดจอดรถตู้โดยสารสาธารณะกรุงเทพฯ-ต่างจังหวัดเข้าใช้สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ ทั้ง 3 แห่ง ตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม 2559 ที่ผ่านมา พร้อมกันนี้ยังให้แต่ละจังหวัดสำรวจจำนวนรถตู้โดยสารภายในจังหวัดและดำเนินมาตรการเข้มงวดให้เข้าใช้สถานีขนส่งผู้โดยสารเป็นจุดรับส่งเช่นเดียวกับในส่วนกลาง หรือหากมีการใช้พื้นที่อื่นเป็นจุดจอดต้นทาง ปลายทางให้จัดทำบัญชีสถานที่ดังกล่าวไว้เป็นสถานีขนส่งผู้โดยสารชั่วคราว ซึ่งบริเวณจุดจอดดังกล่าวต้องมีมาตรฐานความปลอดภัย มาตรการดูแลอำนวยความสะดวก เช่นเดียวกับที่สถานีขนส่งผู้โดยสาร เช่น มีป้ายอัตราค่าโดยสาร ตารางการเดินรถ ที่พักผู้โดยสาร ที่พักพนักงานขับรถ ห้องสุขา เป็นต้น โดยให้ดำเนินการสำรวจและส่งข้อมูลให้คณะกรรมการฯ ภายในวันที่ 31 มกราคม 2560 เพื่อกำหนดมาตรการและจัดเจ้าหน้าที่กำกับดูแลได้อย่างทั่วถึงมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในระบบรถโดยสารสาธารณะ ได้กำหนดมาตรการตรวจสอบความปลอดภัยรถตู้โดยสารสาธารณะที่สถานีขนส่งผู้โดยสารทั่วประเทศอย่างเข้มข้น เด็ดขาด จริงจัง ทันที โดยจะเป็นการดำเนินการร่วมกันระหว่าง กรมการขนส่งทางบก บริษัท ขนส่ง จำกัด สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ทหาร ตำรวจ และหน่วยงานท้องถิ่นร่วมดำเนินการตรวจความพร้อมคน ตรวจชั่วโมงการทำงานจากสมุดประจำรถ ตรวจความพร้อมรถตามมาตรฐานความปลอดภัยของตัวรถ (Checklist) ที่กำหนดกว่า 20 รายการ เช่น ระบบเบรก ยาง ล้อ เข็มขัดนิรภัย ประตูรถ ถังดับเพลิง ค้อนทุบกระจก เป็นต้น ต่อเนื่องตั้งแต่เดือนมกราคม 2560 จนถึงช่วงเทศกาลสงกรานต์ และทุกๆ เทศกาลหยุดยาว เพื่อสร้างความเชื่อมั่น มั่นใจ ในระบบรถโดยสารสาธารณะปลอดภัยสูงสุดตลอดทั้งปี
นอกจากนี้ ให้เข้มงวดกวดขันในทุกขั้นตอนการตรวจสภาพรถ ตรวจสอบด้วยเครื่องมือและต้องผ่านเกณฑ์ที่กำหนดทุกรายการ ลงโทษขั้นเด็ดขาดหากไม่ยอมนำรถเข้ารับการตรวจสภาพ
ด้านบริษัท ขนส่ง จำกัด ให้เตรียมการตั้งจุด Check Point จุดพักรถในเส้นทางสำคัญ พร้อมเร่งรัดการดำเนินการติดตั้ง GPS Tracking ในรถตู้โดยสารสาธารณะกรุงเทพฯ-ต่างจังหวัด และเชื่อมโยงข้อมูลกับศูนย์บริหารจัดการเดินรถด้วยระบบ GPS ของกรมการขนส่งทางบกให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 31 มีนาคม 2560 เพื่อสร้างระบบการติดตามพฤติกรรมการขับขี่แบบเรียลไทม์ และการควบคุมแบบมีส่วนร่วมอย่างแท้จริงของภาครัฐ ผู้ประกอบการ และประชาชนผ่านแอปพลิเคชัน DLT GPS สามารถแจ้งร้องเรียนทุกกรณีการให้บริการที่ผิดกฎหมายผ่านทาง application ดังกล่าวได้ด้วย เช่น ขับรถประมาทหวาดเสียว มีพฤติกรรมเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุ ทั้งการใช้ความเร็ว ชั่วโมงการทำงานพนักงานขับรถ ไม่มีการพักรถหรือเปลี่ยนคนขับตามที่กฎหมายกำหนด เป็นต้น ทั้งนี้ ทุกๆ มาตรการจะบังคับใช้กฎหมาย ควบคุม กำกับ ดูแล การดำเนินการอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ลงโทษขั้นสูงสุดทุกกรณีทั้งพนักงานขับรถและผู้ประกอบการ