“มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย” เผยผลสำรวจธุรกิจใต้ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม 2.2 หมื่นล้านบาท ฉุดจีดีพีภาคใต้ลด 1.2% แนะรัฐเร่งเยียวยา เพื่อฟื้นฟู
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่าได้ทำการสำรวจผลกระทบจากผู้ประกอบการภาคใต้ 100 ราย ใน 12 จังหวัด จากเหตุการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้น พบว่ามีมูลค่าความเสียหายประมาณ 22,365 ล้านบาท ส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ของประเทศประมาณ 0.1% และกระทบต่อจีดีพีภาคใต้ 1.2% ทำให้การคาดการณ์การเติบโตเดิมที่ 3.2% จะลดลงเหลือ 2% ซึ่งหากภาครัฐไม่เร่งเข้าไปให้ความช่วยเหลือทั้งภาคการเกษตรและอุตสาหกรรม จะทำให้เศรษฐกิจภาคใต้ขยายตัวลดลงกว่านี้อีกได้
สำหรับความเสียหายที่เกิดกับภาคการเกษตร ยางพารา ได้รับผลกระทบหนักสุด โดยเฉพาะยางพาราที่มีอายุไม่ถึงปีจนถึง 7 ปีขึ้นไป และต้นยางพาราที่ยังไม่ได้กรีดและกรีดไปแล้ว อาจจะเกิดภาวะช็อกจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยมองว่าภายหลังน้ำลดแล้วก็อาจจะไม่สามารถกรีดน้ำยางได้ 1-2 เดือน ส่วนปาล์มน้ำมันและข้าว ได้รับผลกระทบจากปัญหาที่เกิดขึ้นเช่นเดียวกัน รวมถึงภาคประมงและปศุสัตว์ ที่ถูกน้ำท่วมเสียหาย
ส่วนผู้ประกอบการได้รับผลกระทบจากปัญหาการชะลอตัวของการจับจ่ายใช้สอย เพราะประชาชนเก็บเงินไว้รอซื้ออุปกรณ์ซ่อมแซมบ้าน หลังน้ำลด ทำให้ขายสินค้าได้ลดลง ขณะที่ผู้ประกอบการภาคบริการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ได้รับผลกระทบจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง เพราะเส้นทางคมนาคมหลายแห่งถูกตัดขาด ทั้งทางถนน และรถไฟ
“รัฐบาลต้องเข้าไปช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบตามความเหมาะสม และต้องเร่งซ่อมแซมสาธารณูปโภค เพื่อให้กลับมาเป็นปกติโดยเร็ว รวมทั้งต้องมีมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการในพื้นที่ เพื่อให้ฟื้นตัวได้โดยเร็ว” นายธนวรรธน์กล่าว
นายวชิร คูณทวีเทพ ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ผลสำรวจผู้ประกอบการภาคใต้ ได้รับผลกระทบโดยตรง 21.7% ได้รับผลกระทบทางอ้อม 78.3% โดยผลกระทบที่เกิดขึ้น ส่วนใหญ่ยอดขายลดลง คำสั่งซื้อลดลง และต้นทุนเพิ่มขึ้น และต้องการให้ภาครัฐช่วยเหลือโดยการเร่งฟื้นฟูภาคเกษตรกรรม ภาคการลงทุน และภาคการท่องเที่ยว