ครม.อนุมัติไทยลงนามกัมพูชา เพิ่มโควตารถข้ามแดน จาก 40 คันเป็น 150 คันรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง และลงนามบันทึกความเข้าใจเริ่มก่อสร้างสะพานข้ามลำน้ำพรหมโหมด เชื่อมการเดินทางระหว่างสองประเทศ ลดแออัดสะพานที่ปอยเปต
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 13 ธ.ค. อนุมัติการจัดทำและลงนามร่างกฎเพิ่มเติม ฉบับที่ 2 ของบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการแลกเปลี่ยนสิทธิการจราจรสำหรับการขนส่งข้ามพรมแดน ณ จุดผ่านแดนอรัญประเทศ-ปอยเปต ซึ่งกระทรวงฯ จะประชุมในระดับรัฐมนตรีของโครงการอำนวยความสะดวกการขนส่งข้ามพรมแดน ในกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขง ในวันที่ 16 ธันวาคม 2559 ณ จังหวัดเชียงใหม่ โดยจะเสนอการร่างกฎเพิ่มเติม ฉบับที่ 2 ของ MOU การแลกเปลี่ยนสิทธิการจราจรระหว่างไทย-กัมพูชา มีประเด็นสำคัญคือ การเพิ่มจำนวนรถขนส่งสินค้าและรถโดยสารไม่ประจำทาง ณ จุดผ่านแดนอรัญประเทศ-ปอยเปต ซึ่งปัจจุบันกำหนดไว้ไม่เกิน 40 คัน เพิ่มเป็น 150 คัน เพื่อรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง
นอกจากนี้ กระทรวงฯ จะลงนามบันทึกความเข้าใจการเริ่มก่อสร้างสะพานข้ามลำน้ำพรหมโหมด เพิ่มเติม เพื่อเชื่อมการเดินทางระหว่าง 2 ประเทศ เนื่องจากสะพานข้ามแดนเดิมที่ปอยเปตค่อนข้างหนาแน่น จึงจำเป็นต้องสร้างเส้นทางให้เกิดการขนส่งสินค้าได้สะดวกขึ้น
โดยปัจจุบันโควตาใบอนุญาตขนส่งข้ามแดนไทย-กัมพูชา ที่จุดผ่านแดนอรัญประเทศ-ปอยเปต จำนวนไม่เกิน 40 คัน หรือฉบับ ซึ่งไม่เพียงพอต่อผู้ประกอบการไทย ฝ่ายไทยจึงเสนอขอเจรจากับฝ่ายกัมพูชาเพื่อเพิ่มจำนวนรถขนส่งสินค้าและรถโดยสารไม่ประจำทาง ณ จุดผ่านแดนอรัญประเทศ-ปอยเปต โดยทั้งสองฝ่ายได้ประชุมร่วมกันเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2558 ณ กรุงเทพมหานคร เพื่อเจรจาจัดทำร่างบทเพิ่มเติม ฉบับที่ 2 ของบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการแลกเปลี่ยนสิทธิการจราจร เพื่อเพิ่มจำนวนโควตารถเพื่อรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้เห็นชอบร่วมกันที่จะเพิ่มจำนวนโควตาใบอนุญาตขนส่งข้ามแดนไทย-กัมพูชา ที่จุดผ่านแดนดังกล่าว เป็นฝ่ายละ 150 ฉบับ
โดยร่างบทเพิ่มเติม ฉบับที่ 2 มีสาระสำคัญเพื่อเพิ่มใบอนุญาตขนส่งทางถนนข้ามพรมแดนไทย-กัมพูชา สำหรับการขนส่งสินค้าและการขนส่งผู้โดยสารไม่ประจำทางผ่านจุดผ่านแดน อรัญประเทศ-ปอยเปต จากเดิม 40 ฉบับ เป็นจำนวนไม่เกิน 150 ฉบับ ซึ่งใบอนุญาตดังกล่าวจะมีผลต่อเนื่องในระยะเวลา 1 ปี นับจากวันที่ออก ไม่สามารถโอนสิทธิให้แก่กันระหว่างผู้ประกอบการขนส่ง และผู้ถือสิทธิต้องเป็นผู้ได้รับอนุญาตประกอบการขนส่งตามภาคผนวกของบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการแลกเปลี่ยนสิทธิจราจรฯ ทั้งนี้ บทเพิ่มเติมฉบับที่ 2 จะมีผลบังคับใช้ใน 30 วัน หลังจากวันที่มีการลงนาม
