ผู้จัดการรายวัน 360 - “เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล” ร่วมมือ กรมการค้าภายใน จัดโครงการ “ชาวนามาขายข้าว” ช่วยชาวนาขายข้าวในร้าน “ท็อปส์ มาร์เก็ต” ไม่คิดค่าเช่า ประเดิมสาขาแรกที่เซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ ก่อนหมุนเวียนไปยังสาขาอื่น ๆ ทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด
นางภัทรพร เพ็ญประพัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายการตลาดและประชาสัมพันธ์ ผู้บริหาร บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด เปิดเผยว่า “ท็อปส์” เข้าใจและตระหนักถึงปัญหาราคาข้าวที่มีจำนวนผลผลิตเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้พี่น้องชาวนาประสบปัญหาในการระบายข้าว จึงได้ร่วมกับ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ จัดโครงการ “ชาวนามาขายข้าว” ด้วยการเปิดพื้นที่ภายในร้าน “ท็อปส์ มาร์เก็ต” สาขาในกรุงเทพฯและต่างจังหวัดที่ร่วมโครงการให้เกษตรกรสามารถนำข้าวสารมาจำหน่ายโดยตรงแก่ผู้บริโภคโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ทั้งยังเป็นการรณรงค์ให้ประชาชนหันมาบริโภคข้าวกันมากยิ่งขึ้นเพื่อสนับสนุนชาวนาไทย
การสนับสนุนจากภาคเอกชนในการเข้าไปมีส่วนร่วมกับภาคเกษตรกรที่กำลังประสบปัญหาราคาข้าวนับเป็นอีกหนึ่งหนทางที่จะช่วยให้ชาวนามีช่องทางในการระบายและจำหน่ายข้าวถึงมือผู้บริโภคโดยตรง จึงเป็นที่มาของการขับเคลื่อนโครงการ “ชาวนามาขายข้าว” เพื่อสนับสนุนนโยบายภาครัฐ ช่วยแก้ปัญหาราคาข้าวได้อย่างทันท่วงที เปิดพื้นที่ให้เกษตรกรนำข้าวสารมาจำหน่ายด้วยตัวเอง โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ในร้าน ท็อปส์ มาร์เก็ต ทุกสาขาที่ร่วมโครงการ
สำหรับสาขานำร่องที่เปิดให้กลุ่มเกษตรกรเข้ามาจำหน่ายข้าว ได้แก่ สาขาเซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ เริ่มตั้งแต่วันที่ 10-14 พ.ย.59 นำโดย กลุ่มศูนย์ข้าวชุมชน บ้านเขานม จ.ราชบุรี, สหกรณ์เกษตรผักไห่ จำกัด จ.พระนครศรีอยุธยา, กลุ่มสะกาดขวัญข้าว จ.สุรินทร์, กลุ่มผลิตข้าวบ้านหนองงูเหลือม จ.บุรีรัมย์ และกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ผลิตข้าวกล้องงอกฝั่งแดง จ.นครพนม
จากนั้นจะขยายไปยังสาขาอื่น ๆ อาทิ สาขาเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า, เซ็นทรัล พระราม 2, เซ็นทรัล พระราม 3, เซ็นทรัล รัตนาธิเบศร์, เซ็นทรัล รังสิต รวมถึงร้าน “ท็อปส์ มาร์เก็ต” ในต่างจังหวัด อาทิ ช เชียงใหม่, เชียงราย, อุดรธานี, กาญจนบุรี, นครศรีธรรมราช, ระยอง ฯลฯ โดยเปิดโอกาสให้เกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อนและต้องการนำข้าวสารมาจำหน่ายติดต่อได้ที่ “ท็อปส์ มาร์เก็ต” ทุกสาขาทั่วประเทศ โดยยังมีแผนในการดำเนินนโยบายในระยะยาวพร้อมจัดทีมถ่ายทอดองค์ความรู้เพื่อสร้างความยั่งยืนให้ชาวนาไทย
ด้าน นายสิริไพบูลย์ นุสิริหาญ ผู้ใหญ่บ้านหนองงูเหลือม ตัวแทนจากกลุ่มผลิตข้าวบ้านหนองงูเหลือม จ.บุรีรัมย์ กล่าวว่า กลุ่มเราปลูกข้าวเองและรวมตัวกัน 4 หมู่บ้านคือ หมู่บ้านบ้านทุ่ง, หมู่บ้านหนองไทร, หมู่บ้านกระสัง และหมู่บ้านหนองงูเหลือม นำไปสีที่โรงสีชุมชนซึ่งเป็นโรงสีขนาดเล็ก โดยมีเครื่องสีข้าวพระราชทานจาก พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ซึ่งเป็นรางวัลจากการที่หมู่บ้านกระสังได้อันดับที่หนึ่งจากการเข้าร่วมโครงการข้าวพันไร่ จึงนับเป็นพระกรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้
“ช่วงนั้นชาวนาเดือดร้อนกันมากจากค่าใช้จ่ายในการสีข้าวต่อไร่สูงถึงไร่ละ 4–5 พันบาท จึงต้องสีกันเองในชุมชน พอได้เครื่องสีมาก็ช่วยแบ่งเบาภาระได้มาก หลายคนถามว่าทำไมเราไม่เลิกทำนา เพราะเราคิดว่าการทำนาไม่ใช่อาชีพแต่เป็นวิถีชีวิต ตอนที่ ท็อปส์ ติดต่อเข้ามาบอกว่าจะให้เรามาขายข้าวใน ท็อปส์ เรารู้สึกว่าการช่วยเหลือในครั้งนี้เป็นบุญคุณมากๆ เหมือนมีแสงสว่างเข้ามา โดยข้าวสารที่นำมาจำหน่ายที่ ท็อปส์ ครั้งนี้ เราจำหน่ายได้ราคาสูงกว่าที่จำหน่ายในชุมชน”
นางชบา ศรีสุโน ตัวแทนจากกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ผลิตข้าวกล้องงอกฝั่งแดง จ.นครพนม กล่าวว่า เราเป็นกลุ่มชาวนารายย่อยและชาวบ้านในชนบทที่ผลิตข้าวอินทรีย์ หลังจากที่ พระบาทสมเด็จพระมหาปริมินทรภูมิพลอดุลยเดช ได้ส่งทหารเข้ามาเพื่ออบรมให้ความรู้ชาวบ้านในเรื่องการทำปุ๋ยชีวภาพ เราก็ศึกษาและนำมาแปรรูปจนปัจจุบันสามารถปลูกข้าวได้หลายสายพันธุ์ อาทิ ข้าวหอมมะลิ 105 ซึ่งเป็นสายพันธุ์พระราชทาน, ข้าวไรซ์เบอร์รี่ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง โดยมีการจำหน่ายข้าวไรซ์เบอร์รี่ร่วมกับองค์กรที่ปลูกข้าวไรซ์เบอร์รี่ที่ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ สนับสนุนมาตลอด
นอกจากนี้เรายังมีข้าวกล้องงอกซึ่งมีสารกาบ้าช่วยบำรุงสมองส่วนกลางและยังมีคุณประโยชน์สูงกว่าข้าวขาวและข้าวกล้อง 15–30 เท่า, ข้าวหอมมะลิแดงที่เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน เพราะเป็นข้าวที่มีดัชนีมวลน้ำตาลต่ำ ส่วนข้าวหอมมะลิเป็นข้าวที่คนในชุมชนนิยมปลูกมากที่สุด ส่งผลให้ข้าวล้นตลาด ราคาตกต่ำ รวมถึงไม่มีตลาดที่จะส่งข้าวออก เพราะในปัจจุบันเราส่งข้าวขายแค่ในชุมชน ตามร้านค้าในตลาด
“เมื่อ ท็อปส์ ติดต่อให้เรานำข้าวมาขาย ทุกคนแทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว ดีใจที่จะมีสถานที่ขายข้าวแล้ว ประกอบกับลูกค้าของ ท็อปส์ เป็นกลุ่มคนรักสุขภาพ เลยคิดว่าเราน่าจะขายข้าวได้ เพราะในชุมชนนิยมบริโภคข้าวขาวเป็นส่วนใหญ่ ข้าวของเราจึงขายได้ไม่กี่บาท เราขอเป็นตัวแทนกลุ่มขอบคุณ ท็อปส์ อีกครั้งที่เข้าใจถึงหัวอกเกษตรกร เข้าใจถึงความทุกข์ความเครียดที่ชาวนาไม่สามารถระบายข้าวออกได้ ขอบคุณมากค่ะ” นางชบา กล่าวในตอนท้าย
อนึ่ง สาขา “ท็อปส์ มาร์เก็ต” ที่ร่วมโครงการ “ชาวนามาขายข้าว” มีดังนี้ ภาคกลาง : แจ้งวัฒนะ วันที่ 10-14 พ.ย.59 ลาดพร้าว วันที่ 25-30 พ.ย.59 ปิ่นเกล้า วันที่ 25-30 พ.ย.59, พระราม 2 วันที่ 25-30 พ.ย.59 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : สกลนคร วันที่ 8-30 พ.ย.59 อุดรธานี วันที่ 20-25 พ.ย.59 อุบลพลาซา วันที่ 20 พ.ย.-20 ธ.ค.59 มุกดาหาร วันที่ 25-30 พ.ย.59 ภาคเหนือ : แอร์พอร์ท เชียงใหม่ วันที่ 9- 5 พ.ย.59 โชตนา 9-15 พ.ย.59 ห้วยแก้ว 10-23 พ.ย.59 เชียงราย 14-30 พ.ย.59