xs
xsm
sm
md
lg

“กูลิโกะ” ผนึก “เถ้าแก่น้อย” ปลุกสแน็ก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นายกฤษดา นุรักษ์เข (ซ้าย) ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไป กลุ่มงานการขาย บริษัท ไทยกูลิโกะ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายบิสกิตตรา กูลิโกะ และ อิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ (ขวา) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน)
ในภาวะที่เศรษฐกิจไม่กระเตื้อง และกำลังซื้อยังไม่ฟื้น ผู้นำตลาดจำเป็นต้องกระตุ้นและสรรหากลยุทธ์ต่างๆ เพื่อทำให้ตลาดมีความเคลื่อนไหว ล่าสุดสาหร่ายเถ้าแก่น้อยกับกูลิโกะกลายเป็นพันธมิตรคู่ใหม่ในวงการสแน็ก หลังจากที่ผ่านการเจรจากันมานานกว่า 2 ปี และพัฒนาสินค้าร่วมกันกลายเป็น กูลิโกะเพรทซ์ รสโนริสาหร่าย ลิมิเต็ด เอดิชั่น

ทั้งนี้ ตลาดสแน็กรวมเติบโตน้อยมากในช่วง 2-3 ปีมานี้แค่ 2-3% จากเดิมเติบโตเฉลี่ย 10% มีบางกลุ่มที่เติบโตดี บางกลุ่มก็ไม่เติบโต เป็นเพราะภาพรวมเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดี ปัญหากำลังซื้อไม่กระเตื้องขึ้น และผู้เล่นในตลาดไม่ค่อยมีความเคลื่อนไหวมากนัก

นายกฤษดา นุรักษ์เข ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไป กลุ่มงานการขาย บริษัท ไทยกูลิโกะ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายบิสกิตตรากูลิโกะ กล่าวว่า ตลาดบิสกิตรวมมีมูลค่าประมาณ 11,000 ล้านบาท เติบโต 3-4% แต่กูลิโกะเติบโตถึง 12% ในปีนี้มากกว่าตลาดรวม เพราะการทำตลาดที่ต่อเนื่องและการออกสินค้าใหม่ตลอดเวลา

นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตลาดรวมสาหร่ายมีมูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท แต่เติบโตไม่มากในช่วงหลัง ขณะที่แบรนด์เถ้าแก่น้อยเติบโตมากถึง 12% ในช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ แต่สาหร่ายก็เป็นสแน็กที่เติบโตดีติด 1 ใน 5 กลุ่ม

อย่างไรก็ตาม ทั้งสาหร่ายกับบิสกิตเติบโตดี แต่ในฐานะผู้นำตลาดก็ไม่อาจอยู่เฉย จึงใช้กลยุทธ์การเป็นพันธมิตรหรือการร่วมมือกันในการผลิตสินค้าใหม่ โดยใช้จุดแข็งของแต่ละรายมาผสมผสานกัน กลายเป็น กูลิโกะ เพรทซ์ รสโนริสาหร่าย ลิมิเต็ด เอดิชัน ราคา 15 บาท ที่เริ่มวางจำหน่ายแล้ว โดยทางกูลิโกะรับผิดชอบช่องทางโมเดิร์นเทรดทั้งหมด ส่วนเถ้าแก่น้อยรับผิดชอบช่องทางร้านค้าตัวเองที่มี 7 สาขา พร้อมกลยุทธ์ตลาดครบวจรทั้งบีโลว์เดอะไลน์และอะโบฟเดอะไลน์ คาดว่าจะจำหน่ายเพียง 3 เดือนเท่านั้นสินค้าก็คงจะหมด เพื่อสร้างความคึกคักในตลาด และถือเป็นครั้งแรกที่ร่วมมือแบบนี้เป็นทางการ

การร่วมมือกันนอกจากทำให้มีความเคลื่อนไหวแล้ว ยังมีประโยชน์ในแง่ที่จะได้ขยายฐานกลุ่มลูกค้าของทั้งสองแบรนด์ด้วยที่มีฐานลูกค้าต่างกัน คือ กลุ่มชอบบิสกิต และกลุ่มชอบสาหร่าย

“ในอนาคตอาจจะเป็นไปได้ที่เราจะมีการร่วมมือกันที่มากกว่านี้ หรือรวมทั้งกับรายอื่นได้ด้วย และเราก็พยายามเน้นกลยุทธ์โคแบรนด์ร่วมกัน แต่ต้องดูความเหมาะสมทั้งแบรนด์และสินค้าด้วย” นายอิทธิพัทธ์กล่าว

นายอิทธิพัทธ์กล่าวต่อว่า ปีนี้บริษัทฯ ยังมีการจัดกิจกรรมบ้างในปลายปี แต่ไม่จัดแบบเอิกเกริกและงดความบันเทิง และคาดว่าทั้งปีนี้จะมีการเติบโตรวมมากกว่าที่ตั้งเป้าหมายเอาไว้ โดยสัดส่วนรายได้มาจากในประเทศ 45% และต่างประเทศ 55% ตลาดหลักคือเอเชีย

“ปีหน้าบริษัทฯ เตรียมที่จะออกสินค้าใหม่ที่เน้นสุขภาพมากขึ้นด้วยการลดปริมาณความเค็มและผงชูรส เพื่อจับกลุ่มครอบครัวเพื่อขยายฐานตลาดใหม่ๆ ซึ่งมองว่าตลาดสาหร่ายยังมีโอกาสที่จะขยายได้อีกมาก ไม่จำเป็นต้องไปทำตลาดสแน็กอื่น”

ขณะที่ปีหน้าโรงงานใหม่ที่โรจนะจะสามารถเดินเครื่องผลิตได้ไตรมาสแรก มีกำลังผลิตเพิ่มอีก 6,000 ตันต่อปี รวมเป็น 12,000 ตันต่อปี มีแชร์เป็นอันดับหนึ่ง 65% เพิ่มจากปีที่แล้ว 61%

ทางด้านนายกฤษดากล่าวว่า ในส่วนของกูลิโกะ ปีนี้คาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 3,000 กว่าล้านบาท ซึ่ง 9 เดือนแรกทำได้ 2,000 กว่าล้านบาทแล้ว เป็นสัดส่วนรายได้หลักมาจากบิสกิตหรือกูลิโกะกว่า 80% ที่เหลือคือขนมขึ้นรูปและช็อกโกแลต ซึ่งกูลิโกะเป็นผู้นำตลาดบิสกิตด้วยส่วนแบ่งกว่า 20% โดยมีสัดส่วนรายได้มาจากในประเทศ 80% และต่างประเทศ 20%



กำลังโหลดความคิดเห็น