“อีสท์วอเตอร์” ลั่นปีหน้านี้น้ำภาคตะวันออกไม่ขาด แม้ว่าปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำหลักในภาคตะวันออกช่วง 1 พ.ย. 59 อยู่ที่ 517 ล้าน ลบ.ม. ต่ำกว่าปีก่อนเกือบ 100 ล้าน ลบ.ม. ยันมีมาตรการรองรับทั้งผันสูบน้ำจากประแสร์-หนองงปลาไหล และซื้อน้ำจากแหล่งน้ำเอกชนเสริม
รายงานข่าวจากบริษัท จัดการและพัฒนาการทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรืออีสท์วอเตอร์ (EASTW) แจ้งว่า สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำภาคตะวันออกทั้งหนองปลาไหล ดอกกราย หนองค้อ บางพระ คลองใหญ่ และประแสร์ ณ วันที่ 1 พ.ย. 2559 พบว่ามีปริมาณน้ำสำรองอยู่ที่ 517.93 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีปริมาณน้ำอยู่ที่ 607.46 ล้าน ลบ.ม. โดยพบว่าปริมาณน้ำเก็บกักในอ่างเก็บน้ำหลักในภาคตะวันออกต่ำกว่าปีก่อนทั้งหมด
แบ่งเป็นปริมาณน้ำกักเก็บในอ่างเก็บน้ำประแสร์อยู่ที่ 95.98 ล้าน ลบ.ม. ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีปริมาณน้ำ 163.80 ล้าน ลบ.ม. อ่างเก็บน้ำดอกกราย มีปริมาณน้ำอยู่ที่ 57.78 ล้าน ลบ.ม. ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีปริมาณน้ำ 79.41 ล้าน ลบ.ม. อ่างเก็บน้ำหนองค้อมีปริมาณน้ำ 10.74 ล้าน ลบ.ม. ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 21.40 ล้าน ลบ.ม. อ่างเก็บน้ำบางพระ มีปริมาณน้ำ 78.20 ล้าน ลบ.ม. ต่ำกว่าปีก่อนที่มีปริมาณน้ำ 117 ล้าน ลบ.ม. อ่างเก็บน้ำคลองใหญ่ มีปริมาณน้ำอยู่ที่ 38.75 ล้าน ลบ.ม.ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีปริมาณน้ำ 45.47 ล้าน ลบ.ม. และอ่างเก็บน้ำประแสร์ 236.48 ล้าน ลบ.ม.ต่ำกว่าปีก่อนที่มีปริมาณน้ำ 295 ล้าน ลบ.ม.
แหล่งข่าวจากบริษัท จัดการและพัฒนาการทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรืออีสท์วอเตอร์ กล่าวว่าแม้ว่าปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำหลักดังกล่าวจะมีปริมาณน้ำกักเก็บต่ำกว่าปีก่อน แต่บริษัทฯ มีนโยบายที่จะไม่เกิดปัญหาน้ำขาดแคลนในภาคตะวันออกเหมือนในอดีต จึงได้มีการวางมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้งในปี 2560 โดยมีโครงการวางท่อสูบผันน้ำจากประแสร์-หนองปลาไหล เส้น 2 ที่แล้วเสร็จโดยจะสูบผันน้ำเพิ่มอีก 70 ล้าน ลบ.ม. รวมเป็น 150 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งทำให้มั่นใจว่ามีปริมาณน้ำเพียงพอป้อนในนิคมฯ มาบตาพุด รวมทั้งสำรองน้ำจากแม่น้ำบางปะกงเข้าอ่างฯ บางพระในช่วงฤดูฝนด้วย
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนที่จะซื้อน้ำจากแหล่งน้ำเอกชนเข้ามาเสริมในพื้นที่ชลบุรี และฉะเชิงเทราด้วย โดยจะพิจารณาว่าจะซื้อน้ำจากภาคเอกชนมากน้อยเท่าใด คงต้องรอให้หมดฝนเพื่อประเมินสถานการณ์อีกครั้งหนึ่ง ที่ผ่านมาบริษัทซื้อน้ำจากแหล่งน้ำเอกชนค่อนข้างน้อยคิดเป็นสัดส่วนเพียง 1% เท่านั้น หรือประมาณ 40-50 ล้าน ลบ.ม.
ขณะที่ปริมาณความต้องการใช้น้ำดิบในภาคตะวันออก คาดว่าจะขยายตัวตามการเติบโตทางเศรษฐกิจหรือประมาณ 3% ส่วนโครงการพัฒนาอ่างเก็บน้ำทับมา คงต้องชะลอโครงการออกไป คาดว่าจะแล้วเสร็จในปลายปี 2560