ธพ.เร่งจ้างที่ปรึกษาทำการศึกษาสำรองน้ำมันทางยุทธศาสตร์ของประเทศ หลัง “อารีพงศ์” สั่งให้สรุปภายในกลางปี 2560 เมินข้อเสนอโรงกลั่นยื่นขอลดสำรองเหลือ 3.5% จาก 6% ส่วนของน้ำมันดิบชี้กรณีคลังจัดเก็บตึงตัวหากจะลดได้เพียง 1% เท่านั้น
นายวิฑูรย์ กุลเจริญวิรัตน์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) เปิดเผยว่า นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงพลังงาน ได้มอบหมายให้ ธพ.ศึกษาการสำรองน้ำมันทางยุทธศาสตร์ของประเทศในส่วนของภาครัฐ โดยให้สรุปแล้วเสร็จภายในกลางปี 2560 เพื่อความมั่นคงของประเทศ โดยกรมฯ อยู่ระหว่างการว่าจ้างที่ปรึกษามาศึกษาการสำรองน้ำมันทางยุทธศาสตร์ดังกล่าว โดยแนวทางการศึกษาจะดูทั้งในเรื่องปริมาณสำรองที่เหมาะสม และการดำเนินงานโดยรัฐว่าระดับใดเหมาะสมหรือไม่อย่างไร หรือจะเป็นการร่วมกับเอกชน
“การศึกษาดังกล่าวก็เพื่อที่จะทำให้เกิดความชัดเจนด้านต่างๆ รวมถึงการศึกษาว่าควรตั้งหน่วยงานใหม่ขึ้นมาดูแลการสำรองน้ำมันประเทศหรือไม่ และต้องแก้กฎหมายใดบ้าง เป็นต้น โดยแผนเรื่องยุทธศาสตร์สำรองน้ำมันประเทศนั้นมีการพูดกันที่ผ่านมาถึงการสำรอง 90 วัน แต่ก็ยังไม่มีเหตุผลถึงที่ไปที่มารองรับชัดเจนนัก” นายวิฑูรย์กล่าว
ปัจจุบันภาครัฐใช้วิธีสำรองน้ำมันโดยกำหนดให้ภาคเอกชนเป็นผู้สำรองน้ำมัน ซึ่งแบ่งเป็นการสำรองน้ำมันดิบในส่วนของโรงกลั่น 6% น้ำมันสำเร็จรูปในส่วนของผู้ค้าน้ำมัน 1% ของปริมาณการจำหน่ายซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้โรงกลั่นน้ำมันได้ทำหนังสือถึง ธพ.เพื่อขอพิจารณาปรับลดสัดส่วนโดยต้องการให้สำรองน้ำมันดิบและสำเร็จรูปอยู่ระดับ 3.5% เพื่อช่วยลดต้นทุนของโรงกลั่นน้ำมันลงและเพื่อให้เป็นธรรม แต่ทางกลุ่มผู้ค้าเองก็มีความเห็นที่ต่างไป ผลการศึกษาดังกล่าวจะมีคำตอบให้การสำรองของเอกชนในปีหน้าเช่นกัน แต่ขณะนี้ขอให้เอกชนสำรองตามกฎหมายที่ระบุไว้ดังเดิมก่อน
“อนาคตหากภาครัฐมีการสำรองน้ำมันของประเทศเองแล้ว โรงกลั่นอาจไม่จำเป็นต้องสำรองน้ำมันก็ได้ แต่ในเบื้องต้นภาคเอกชนยังคงต้องใช้สัดส่วนการสำรองน้ำมันตามที่รัฐกำหนดไปก่อน ส่วนกรณีที่ระบุว่าคลังและถังเก็บเริ่มตึงตัวนั้นเรื่องนี้ก็คงจะต้องมาพิจารณาข้อเท็จจริงอีกครั้งซึ่งหากปรับลดลงก็อาจจะได้สัดส่วนเดิมที่เคยทำไว้ คือ 5%” นายวิฑูรย์กล่าว
