ผู้จัดการรายวัน 360 - เครือทีซีซี ผุดบริษัทลูก “เอเชีย โฮเรก้า” บริหารศูนย์การค้า HORECA SQUARE ย่านรัชดาฯ โอ่เป็นศูนย์การค้าธุรกิจโฮเรก้าครบวงจรแห่งแรกในประเทศไทยและอาเซียน นำเสนอสินค้ากว่า 1 หมื่นรายการ มากกว่า 200 แบรนด์ วางแผน 3 ปี รุก 3 ธุรกิจเกี่ยวเนื่องทั้งค้าปลีก, งานแสดงสินค้า และ e-Commerce ก่อนเปิดตลาดอาเซียนเต็มรูปแบบ
นางลัดดา มงคลชัยวิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชีย โฮเรก้า จำกัด ในเครือทีซีซี เปิดเผยว่า บริษัทฯ ใช้ทุนจดทะเบียน 215 ล้านบาท เมื่อเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา เพื่อดำเนินธุรกิจผู้บริหารศูนย์การค้าธุรกิจโฮเรก้าครบวงจรแห่งแรกในประเทศไทยและอาเซียนภายใต้ชื่อ HORECA SQUARE โดยใช้งบประมาณ 200 ล้านบาท พัฒนาพื้นที่ 1.2 หมื่น ตร.ม. บริเวณชั้น 3-5 ภายในอาคาร CW Tower ถ.รัชดาภิเษก กรุงเทพฯ ล่าสุดเปิดให้ผู้สนใจเช่าพื้นที่แล้วในราคา ตร.ม.ละ 900 บาท โดยมีผู้สนใจแล้วกว่า 60% คาดว่าจะเต็มพื้นที่เร็วๆ นี้ ก่อนเปิดบริการอย่างเป็นทางการในวันที่ 9 ก.พ. 2560
HORECA SQUARE จะมีการจำหน่ายสินค้าทุกประเภทเกี่ยวกับธุรกิจโฮเรก้าคือ โรงแรม ร้านอาหาร และแคเทอริ่ง รวมแล้วมากกว่า 1 หมื่นรายการจาก 200 แบรนด์ชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศ ใน 14 หมวดหมู่หลัก ได้แก่ 1.Bedding&Furniture 2.Porcelain&Glasswear 3.Coffee&Bakery 4.Electonic & Appliance 5.Cooking School 6.Amenity 7.Lighting 8.Hotel Supply 9.Utensil 10.Packaging 11.Software&POS 12.Consultant 13.Kitchen Equipment และ 14.Uniform
จากผลการศึกษาและวิจัยตลาดของบริษัทฯ คาดการณ์ว่าในช่วงแรกของการเปิดบริการจะมีผู้สนใจหมุนเวียนเข้าชมและซื้อสินค้าอย่างน้อยวันละประมาณ 500 ราย หรือปีละ 1.825 แสนราย คิดเป็นนักธุรกิจต่างชาติเฉลี่ยเดือนละ 30 ราย หรือปีละ 360 ราย แต่ละรายคาดว่าจะมีการซื้อสินค้าประมาณ 1 แสนบาท ส่งผลให้ผู้ประกอบการสามารถทำยอดขายได้ประมาณ 3 ล้านบาทต่อเดือน หรือประมาณ 36 ล้านบาทต่อปี
นางลัดดากล่าวด้วยว่า บริษัทฯ มีแผนธุรกิจระยะสั้น 3 ปี (2559-2561) ในการดำเนินงาน 3 ส่วนหลักที่จะช่วยขับเคลื่อนผู้ประกอบการในกลุ่มธุรกิจ HORECA ให้สามารถแข่งขันและเติบโตได้อย่างยั่งยืน คือ (1. เริ่มโครงการศูนย์การค้า HORECA SQUARE ในปี 2559 (2. จัดงานแสดงสินค้าแบบ B2B ระดับนานาชาติ สำหรับกลุ่ม HORECA ในเดือน ก.ค. 2560 และ (3. พัฒนาระบบการค้าอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Commerce สำหรับกลุ่ม HORECA ในปี 2561
“ในปีแรกบริษัทฯ คาดว่าจะสามารถสร้างเงินหมุนเวียนภายในศูนย์การค้าได้ประมาณ 600 ล้านบาท พร้อมช่วยขับเคลื่อนธุรกิจเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัปมีการเติบโตขึ้นอย่างน้อยปีละ 10% ขณะที่บริษัทจะมีรายได้ประมาณ 182.5 ล้านบาท โดยคาดว่าในช่วง 3 ปีแรกจะมีการเติบโตเฉลี่ยปีละ 10-15% จากนั้นมีแผนจะนำรูปแบบธุรกิจขยายไปยังกลุ่มประเทศอาเซียนอย่างเต็มรูปแบบ โดยจะเริ่มนำผู้ประกอบการไปเปิดตลาดในประเทศพม่าก่อนเป็นละดับแรกในช่วงต้นปี 2560”
นางลัดดากล่าวอีกว่า ในปีแรกของการดำเนินงานมีการใช้งบประมาณการตลาด 30 ล้านบาท พร้อมกำหนดจัดการสัมมนาให้ความรู้เกี่ยวกับธุรกิจโฮเรก้าแก่ผู้สนใจอย่างน้อยเดือนละ 8 ครั้ง หรือปีละไม่ต่ำกว่า 100 ครั้ง โดยแต่ละครั้งจะกำหนดผู้เข้าร่วมงานสัมมนาประมาณ 30-40 คน
“แนวคิดหลักของการบริหารศูนย์การค้าแห่งนี้คือ การให้บริการครบวงจรตอบทุกโจทย์ความต้องการ หรือ Total Solution นับตั้งแต่ให้บริการด้านการวิเคราะห์ การวางแผน การออกแบบ ระบบปฏิบัติการและเครือข่ายเฉพาะธุรกิจ ตลอดจนการจัดหาสินค้าและผลิตภัณฑ์ โดยใช้แนวคิดของการทำตลาดงานแสดงสินค้าแบบ B2B ซึ่งปกติจะมีระยะเวลาการจัดงานเพียง 3-5 วันมาปรับใช้ให้เป็นเสมือนการจัดงานแสดงสินค้าแบบ B2B ต่อเนื่อง 365 วัน”
ตลาด HORECA ไทยทะลุ 1 ล้านล้านบาท
ด้านนายพงษ์ศักดิ์ นันตวรรณกุล กรรมการบริหาร บริษัท เอเชีย โฮเรก้า จำกัด เปิดเผยว่า กลุ่มธุรกิจ HORECA ในประเทศไทยมีการเติบโตต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2557 เฉลี่ยปีละ 10-20% ปัจจุบันมีมูลค่าตลาดโดยรวมประมาณ 1 ล้านล้านบาทต่อปี ประกอบด้วย โรงแรม (Hotel) 5.27 แสนล้านบาท ร้านอาหาร (Restaurant) 3.85 แสนล้านบาท และธุรกิจกาแฟและจัดเลี้ยง (Cafe and Catering) 6.2 หมื่นล้านบาท
ในปี 2559 กลุ่มธุรกิจโรงแรมไทยมีจำนวนที่พัก 14,178 แห่ง และจำนวนห้องพัก 622,123 ห้องพัก เติบโตขึ้นจากปีที่ผ่านมา 10.02% โดยมีสัดส่วนจำนวนของรีสอร์ตมากที่สุด รองลงมาคือโรงแรม ขณะที่กลุ่มธุรกิจร้านอาหาร แบ่งเป็น 2 กลุ่มหลัก คือ ร้านอาหารที่เป็นแบรนด์ชั้นนำที่มีสาขามีมูลค่า 1.1 แสนล้านบาท และร้านอาหารทั่วไปมีมูลค่า 2.75 แสนล้านบาท เติบโตขึ้นจากปีก่อนหน้า 4-6.8% ขณะที่กลุ่มธุรกิจกาแฟ เบเกอรี่ และไอศกรีม พบว่ากาแฟมีสัดส่วนมูลค่ามากที่สุด 3 หมื่นล้านบาท ส่วนเบเกอรี่และไอศกรีมมีสัดส่วนใกล้เคียงกัน 1.7 หมื่นล้านบาท และ 1.5 หมื่นล้านบาท
“จากภาพรวมตลาดของกลุ่มธุรกิจ HORECA ทำให้บริษัทฯ เห็นถึงโอกาสและการเติบโตธุรกิจ จึงได้จัดตั้ง บริษัท เอเชีย โฮเรก้า จำกัด โดยมีแผนที่จะนำรูปแบบธุรกิจ HORECA SQUARE ไปดำเนินงานตามหัวเมืองใหญ่ เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต และอุดรธานีภายใน 5 ปี เพื่อรองรับความต้องการของผู้ประกอบการและการขยายตัวของกลุ่มคนที่เริ่มต้นทำธุรกิจมากขึ้น ทั้งยังเป็นไปตามนโยบายของภาครัฐที่ต้องการสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs และกลุ่ม Start up ให้สามารถแข่งขันและเติบโตสู่ระดับสากลได้” นายพงศ์ศักดิ์กล่าวในตอนท้าย
หวังเป็นฮับโฮเรก้าเอเชีย
ด้านนายกมล รัตนวิระกุล นายกสมาคมการบริหารโรงแรมไทย กล่าวเสริมว่า การเปิดศูนย์การค้า HORECA SQUARE ถือเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยสร้างเครือข่ายและส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมีโอกาสขยายตลาดเพิ่มขึ้นได้อีกมาก ยกตัวอย่างได้จากการเปิดโรงแรมขนาด 3 ดาวจำเป็นต้องใช้สินค้าเป็นจำนวนมากถึง 1 พันรายการ ซึ่งในแง่ธุรกิจแล้วไม่มีผู้ประกอบการรายใดที่จะมีสินค้าได้ครบทุกรายการ
HORECA SQUARE ยังมีโอกาสที่จะเป็นศูนย์กลางธุรกิจโฮเรก้าของเอเชียในอนาคตอันใกล้ เพราะถือเป็นแหล่งรวบรวมสินค้าทุกชนิดสำหรับผู้ประกอบการธุรกิจโฮเรก้าที่สามารถเดินทางมาเลือกซื้อได้ทุกวัน จากเดิมที่ต้องรอเดินทางมาในช่วงที่มีการจัดงานแสดงสินค้า หรือต้องไปซื้อในสถานที่ต่างๆ
ปัจจุบันมีนักธุรกิจต่างชาติเดินทางมาเลือกซื้อสินค้าในประเทศไทยครั้งละเป็นจำนวนมากๆ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศ CLMV ที่ธุรกิจโรงแรมกำลังขยายตัว โดยเฉพาะพม่ามีแนวโน้มว่าจะมีการลงทุนด้านโรงแรมในปี 2560 ถึง 7 พันห้องใน 3 เมืองใหญ่ คือ ย่างกุ้ง มัณฑะเลย์ และพุกาม นอกจากจากนั้นอินเดียก็เป็นอีกประเทศหนึ่งที่เริ่มชื่นชอบสินค้าไทย เช่นเดียวกับญี่ปุ่นซึ่งเริ่มมีการสั่งซื้อผ้าปูที่นอนจากไทยเพื่อนำไปใช้ในธุรกิจโรงแรมจากเดิมที่นำเข้าจากจีน
“อิหร่านเป็นอีกประเทศหนี่งที่เริ่มจะมีการลงทุนด้านธุรกิจโรงแรมมากขึ้นหลังจากเริ่มมีการเปิดประเทศ โดยขณะนี้รัฐบาลได้สนับสนุนให้มีการปรับปรุงโรงแรมเก่ากว่า 40 แห่งและเปิดโอกาสให้มีการลงทุนก่อสร้างโรงแรมใหม่เพิ่มอีกประมาณ 200 แห่ง จึงถือเป็นโอกาสสำคัญที่ไทยควรจะเปิดตลาดโฮเรก้า” นายกมลกล่าวในที่สุด