สืบเนื่องจากกรณีที่มีการนำเเรื่องการเก็บค่าอบรมพนักงานพีซี แผนกองค์กรสัมพันธ์ บมจ.บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ได้ทำการตรวจสอบหลังจากรับรายงานโดยทันที มีความประสงค์จะชี้แจงเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการรายงานข่าวของท่านดังนี้ สำหรับค่าใช้จ่ายที่เรียกเก็บรายละ 350 บาทนั้น บิ๊กซีเราเรียกเก็บจากเจ้าของผลิตภัณฑ์ ไม่ได้เรียกเก็บจากพนักงานโดยตรง ซึ่งในค่าใช้จ่ายการฝึกอบรมนั้นมีค่าใช้จ่ายที่มากกว่า ซึ่งส่วนต่างนั้นทางบิ๊กซีเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในสัดส่วนจำนวนเงินที่มากกว่า
ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวนี้ถือว่าเป็นการลงทุนร่วมกันในด้านการพัฒนาทรัพยากรบุคคล เพราะบุคลากรเหล่านี้จะเป็นตัวแทนของทั้งบิ๊กซีและแบรนด์ต่างๆ ที่พวกเขาสังกัด ดังนั้น การที่บิ๊กซีร่วมกับเจ้าของผลิตภัณฑ์ร่วมกันพัฒนาบุคลากรโดยการฝึกอบรมนี้นับว่าเป็นบวกกับทั้งสองฝ่าย และเป็นการร่วมลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าต่อองค์กรทั้งของบิ๊กซีและเจ้าของผลิตภัณฑ์ได้เป็นอย่างดีในที่สุด
แหล่งข่าวจากห้างบิ๊กซีกล่าวว่า การเรียกเก็บค่าอบรม 350 บาทนี้ถือเป็นครั้งแรกที่มีการเรียกเก็บค่าอบรม ถึงแม้จะผลักภาระมายังเจ้าของผลิตภัณฑ์สินค้าโดยตรง แต่ในที่สุดเจ้าของสินค้าก็จะไปเรียกเก็บจากพนักงานพีซีที่เข้าอบรม เพราะไม่มั่นใจว่าเมื่ออบรมเสร็จแล้วจะเป็นพนักงานพีซีของบริษัทต่อไปหรือไม่ ซึ่งการกระทำแบบนี้เท่ากับเป็นการขูดรีดพนักงานพีซี ถึงแม้ไม่ได้เป็นการเรียกเก็บโดยตรง แต่โยนภาระค่าใช้จ่ายให้เจ้าของผลิตภัณฑ์ที่จำเป็นต้องใช้พีซีเป็นพนักงานขาย ซึ่งคาดว่าจะมีพนักงานหลายหมื่นคนจากทั่วประเทศที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายที่ต้องเดินทางเข้ามาอบรมที่รังสิตและยังต้องแบกภาระค่าเดินทางและที่พักอีก ซึ่งอยากจะให้ทางบิ๊กซีทบทวนนโยบายดังกล่าว ซึ่งหากจะหารายได้อื่นๆ ที่เพิ่มเติมก็ไม่ควรจะมารีดเงินจากพนักงานพีซีซึ่งมีรายได้ต่ำอยู่แล้ว