xs
xsm
sm
md
lg

“ล้างจุดซ่อนเร้น” เรื่องเล็กๆ ที่ไม่ควรมองข้าม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สาวๆ หลายคนอาจละเลยการทำความสะอาด “จุดซ่อนเร้น” เพราะมองว่าน้ำเปล่าอย่างเดียวก็เพียงพอ บ้างก็ว่าสบู่ที่ใช้ชำระล้างผิวกายก็ใช้ได้ จึงเกิดเป็นข้อสงสัยว่า ควรทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นของคุณผู้หญิงอย่างไรให้ถูกวิธี? แล้วทำไมการใช้น้ำเปล่าอย่างเดียวจึงไม่เพียงพอ?

เรื่องนี้ แพทย์หญิงศุภกัญญา สุภาสัย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศาสตร์ผิวหนัง ความงาม และการชะลอวัย แห่ง “57 Clinic” สาขาทองหล่อ กรุงเทพฯ บอกว่า เป็นเพราะปัจจุบันมีหลายปัจจัยที่ก่อให้เกิดเหงื่อไคลในชีวิตประจำวัน ทั้งกิจกรรมที่ทำ สภาพอากาศ การสวมใส่เสื้อผ้า และอื่นๆ ซึ่งล้วนทำให้เกิดการสะสมของแบคทีเรีย เชื้อรา จนทำให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์บริเวณจุดซ่อนเร้น โดยมีสาเหตุมากมาย ดังนี้...

1.การทำความสะอาดที่ไม่เพียงพอ หลังจากเสร็จสิ้นธุระหนัก หรือธุระเบา ควรดูแลจุดซ่อนเร้นด้วยการใช้กระดาษชำระซับให้แห้งสะอาดทันทีและควรเช็ดจากด้านหน้าไปทางด้านหลัง อย่าเช็ดจากด้านหลังมาด้านหน้าเด็ดขาด เพื่อเป็นการป้องกันเชื้อโรคที่ตกค้างจากอุจจาระเข้าสู่ช่องคลอด

2.การสวมกางเกงใน หรือเสื้อผ้าที่คับรัดจนเกินไป เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เหงื่อออกตามจุดอับต่างๆ จึงทำให้จุดซ่อนเร้นมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ขึ้นมาได้ ควรเลือกสวมกางเกงใน หรือเสื้อผ้าที่สามารถระบายอากาศได้ดีและไม่คับอัดแน่นจนเกินไป เพื่อให้อากาศในบริเวณนั้นระบายได้สะดวก

3.ในช่วงมีประจำเดือน ปากมดลูกเปิดขยายอยู่จึงทำให้เชื้อโรค หรือแบคทีเรียบุกเข้าไปได้ง่ายกว่าช่วงเวลาปกติ หากดูแลจุดซ่อนเร้นไม่ดีอาจจะเป็นสาเหตุให้มดลูกและปีกมดลูกเกิดการติดเชื้อได้ วิธีที่จะปกป้องจุดซ่อนเร้นให้ห่างจากการติดเชื้อคือ ทำความสะอาดให้หมดจด เปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยๆ เพื่อช่วยลดการสะสมของแบคทีเรียแล้ว

4.จุดซ่อนเร้นเสียสมดุล เพราะจุดซ่อนเร้นมีกรดแลคติคที่ช่วยปรับสภาพแวดล้อมภายในช่องคลอดให้เป็นกรดอ่อนๆ ทำหน้าที่ป้องกันการเข้ามารุกรานของเชื้อโรคต่างๆ หากกรดแลคติคภายในจุดซ่อนเร้นลดลงก็อาจทำให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ต่างๆ ขึ้นมาได้ สาเหตุนี้เกิดมาจากการใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นที่ไม่เหมาะสมนั่นเอง

นอกจากนี้คุณสาวๆ จำนวนไม่น้อย ยังต้องพบเจอกับปัญหาตกขาวที่เกิดจากเชื้อราในช่องคลอดมีสีขาว หรือเหลืองและเป็นก้อนคล้ายนมบูด มีกลิ่นเหม็นอับ ปัสสาวะแสบขัด โดยช่องคลอดจะเกิดการระคายเคืองจนทำให้คันยิบๆ แทบทนไม่ได้ ซึ่งบางท่านมีอาการรุนแรงมากคันมาถึงบริเวณขาหนีบและมีอาการแสบแดง ซึ่งถ้าตกขาวมีสีเขียวปนเหลือง เป็นฟองมีกลิ่นเหม็นผิดปกติ และมีอาการคันร่วมด้วยแล้ว ให้นึกถึงโรคพยาธิในช่องคลอด โดยสาเหตุต่างๆ ของการเกิดเชื้อราในช่องคลอด มีดังนี้

1.เกิดจากความอับชื้น ถ้ายิ่งรัด ยิ่งอับ เชื้อราจะมาได้ง่าย และหากยิ่งเราใช้สบู่ที่มีค่า pH ไม่สมดุลร่วมด้วย เชื้อโรคดีๆ ในช่องคลอดของเราก็จะถูกทำลาย ซึ่งเมื่อไม่มีอาวุธมาต่อสู้กับเชื้อราแล้วก็มีโอกาสเป็นได้เหมือนกัน

2.การใส่แผ่นอนามัย โดยไม่เปลี่ยนระหว่างวัน หรือใส่เป็นเวลานานๆ เพราะแผ่นอนามัยจะทำให้ยิ่งเกิดความอับชื้นเป็นทวีคูณ ซึ่งข้อนี้คุณหมอแนะนำว่า หากไม่ได้อยู่ในช่วงที่มีรอบเดือนไม่ควรใส่แผ่นอนามัยจะดีกว่า

3.ยาปฏิชีวนะ บางท่านเป็นหวัดเรื้อรัง หรือเป็นสิว ต้องกินยารักษาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตัวยาจะไปทำลายเจ้าเชื้อแบคทีเรีย “แลคโตบาซิลลัส” ที่มีหน้าที่ฆ่าเชื้อราในช่องคลอด จึงเป็นโอกาสให้เชื้อราเจริญเติบโตอยู่ภายในช่องคลอด ทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ตามมา ดังนั้นถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ควรรับประทานยาปฏิชีวนะติดต่อกันเป็นเวลานาน

นอกจากนี้ ยังมีอีกสาเหตุที่หลายท่านกังวลใจ เนื่องจากโรคดังกล่าวมักไม่ได้ติดต่อจากการมีเพศสัมพันธ์และสำหรับสิ่งที่ควรทำเมื่อสงสัยว่าจะเกิดโรคนี้ขึ้นกับตัวเอง มีดังต่อไปนี้

1.เบื้องต้นแนะนำว่าให้รับประทานทานโยเกิร์ต หรือนมเปรี้ยวให้มากเข้าไว้ เพราะ “แลคโตบาซิลลัส” ช่วยคุณได้

2. พักผ่อนให้พอ ไม่เครียด ทำร่างกายให้แข็งแรงจะได้มีภูมิต้านทานอยู่เสมอ

3. ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นที่มี pH สมดุล และมีส่วนผสมของแลคโตบาซิลลัส

4.ใส่ชั้นในเป็นผ้าฝ้าย หรือผ้าที่ระบายอากาศได้ดี เวลาซักทำความสะอาดแล้วควรตากในที่แดดส่องถึง

5.สำหรับผู้ที่เริ่มมีอาการของโรคช่องคลอดติดเชื้อรา ควรเปลี่ยนชุดชั้นในใหม่ทั้งหมด หรือควรต้มในน้ำเดือด 10-15 นาที แล้วตากแดดให้แห้งก่อนนำมาใช้ใหม่

6.อาการของโรคสามารถรักษาได้ด้วยการใช้ยารับประทานและยาสอด หรือยาเหน็บ แต่วิธีการรักษาที่ดีที่สุดคือการไปพบแพทย์ด้วยตัวเอง ไม่แนะนำให้ซื้อยามาใช้เอง เพราะอาจจะไม่ตรงกับโรค ทำให้อาการที่เป็นอยู่อาจยิ่งลุกลามและรุนแรงขึ้นอีกได้

ที่สำคัญเมื่อเกิดอาการแล้วก็ไม่ควรปล่อยปละละเลย เพราะอาจทำให้เชื้อโรคลุกลามเกิดการอักเสบ เป็นฝีที่ปีกมดลูกต้องผ่าตัด จนถึงขั้นต้องตัดมดลูก หรือปีกมดลูกทิ้ง ดังนั้นหากพบสิ่งผิดปกติเกี่ยวกับการตกขาวต้องรีบรักษา หรือพบแพทย์โดยด่วน

นอกจากนั้น ยังควรหันมาใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นโดยเฉพาะที่มีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆ ใกล้เคียงกับธรรมชาติของจุดซ่อนเร้น เพื่อรักษาสมดุลและป้องกันเชื้อแบคทีเรียจากภายนอกซึ่งถือเป็นทางเลือกหนึ่งที่ช่วยให้เกิดความสะอาดตรงจุดซ่อนเร้นได้เป็นอย่างดี เพื่อความสะอาดอย่างอ่อนโยนและทำให้การใช้ชีวิตประจำวันของคุณสดใส มั่นใจ ยิ่งขึ้น



กำลังโหลดความคิดเห็น