กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย รับอานิสงส์ราคาน้ำมันดิบต่ำ เดินหน้าลุยผลิตเคมีภัณฑ์และพลาสติกเต็มที่ ทำให้ทั้งปีมีกำไรโตขึ้นแม้รายได้ใกล้เคียงปีที่แล้ว 3 พันล้านเหรียญสหรัฐ ชี้ปีหน้ายังอยู่ในช่วงขาขึ้นต่อเนื่อง
นายจิรศักดิ์ สิงห์มณีชัย กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย ในเครือดาว เคมิคอล เปิดเผยผลการดำเนินงานในปี 2559 ว่าในปีนี้บริษัทฯ จะมีกำลังการผลิตเคมีภัณฑ์และเม็ดพลาสติกอยู่ที่ 2 ล้านกว่าตัน และมีรายได้รวม 3 พันล้านเหรียญสหรัฐ ใกล้เคียงกับปีก่อน แต่กำไรในปีนี้น่าจะดีกว่าปีที่แล้วเนื่องจากตลาดส่งออกยังมีความต้องการสูง ขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบไม่ได้ปรับตัวสูงขึ้นมาก ทำให้ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์กับวัตถุดิบ (สเปรด) สูงอยู่
ขณะที่น้ำมันดิบซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อราคาวัตถุดิบและเม็ดพลาสติกก็อยู่ในระดับราคาที่รับได้ โดยต่ำกว่า 50 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล โดยราคาน้ำมันไม่ผันผวนมากนักทำให้บริหารจัดการได้ง่ายขึ้น โดยปีหน้าแนวโน้มปิโตรเคมีก็ยังอยู่ในช่วงขาขึ้นเช่นเดียวกับปีนี้ เว้นแต่ราคาน้ำมันผันผวน
ส่วนแผนการลงทุนในปี 2560 นั้น บริษัทฯ ยังไม่มีแผนการลงทุนขนาดใหญ่เพิ่มเติมในไทย หลังจากตัดสินใจลงทุนศูนย์วิเคราะห์พัฒนาเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ (Analytical Technology Center) แห่งแรกของดาว เคมิคอลในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่จะแล้วเสร็จในปี 2560 และโรงงานผลิตริจิด โพลิออล ใช้ทำโฟม และเบาะ เงินลงทุนรวมทั้ง 2 โครงการ 65 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งปัจจุบันโรงงานต่างๆ ในกลุ่มดาว เคมิคอลได้มีการเดินเครื่องจักรเต็มที่แล้วก็ตาม
ดาว ประเทศไทย มีโรงงานในไทยทั้งสิ้น 15 โรงงาน แบ่งเป็นโรงงานที่ร่วมทุนกับเครือซิเมนต์ไทย 7 โรงงาน และที่เหลือกลุ่มบริษัท ดาวฯ เป็นผู้บริหารงานเอง 100% โดยโรงงานดังกล่าวตั้งอยู่ในนิคมฯ มาบตาพุด นิคมฯ เอเชีย และนิคมฯ เหมราชตะวันออก เช่น โรงงานผลิตเลเท็กซ์ โพลีออล สไตรีน โมโนเมอร์ โพลีเอทิลีน โพลีสไตรีน โพรพิลีนออกไซด์ และโพลีอีเทอร์ โพลีออล
