ผู้จัดการรายวัน360 - ชี้ขาดอุตสาหกรรมทีวีไทย “เคเบิลทีวี/ทีวีดาวเทียม” ยังไปรอด ด้วยจุดแข็งนำเสนอคอนเทนต์หลากหลาย “ทรูวิชั่นส์” กินรวบตลาดบน “เคเบิลทีวี/ทีวีดาวเทียม” จับตลาดรากหญ้าแน่น พร้อมชูบรอดแบนด์ต่อยอดรายได้ ฟันธง “ทีวีดิจิตอล” 3 ปีมีแต่เจ็บตัวและหายไป
วานนี้ (6 ก.ย.) จากงานเสวนา Thailand In View 2016 ในธีม “การอยู่ร่วมกันและการร่วมมือในตลาดที่มีการแข่งขันสูง” โดยทาง casaba และทางทรูวิชั่นส์เป็นผู้จัดขึ้น ทั้งนี้ในช่วงเสวนา นายพีรธน เกษมศรี ณ อยุธยา หัวหน้าสายงานการพาณิชย์และพัฒนาธุรกิจ บริษัท ทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป จำกัด ได้กล่าวถึงสถานการณ์ของอุตสาหกรรมโทรทัศน์ในประเทศไทยไว้ว่า โมเดลการรับชมโทรทัศน์ในประเทศไทยแตกต่างจากทุกประเทศ กล่าวคือ เคเบิลทีวี/ทีวีดาวเทียมเป็นแพลตฟอร์มที่ครองส่วนแบ่งฐานผู้ชมมากสุด
อย่างไรก็ตาม วิธีการนำเสนอของกลุ่มเพย์ทีวีและฟรีทีวีแตกต่างกันออกไป ในส่วนของทรูวิชั่นส์ ถือเป็นเพย์ทีวีระดับบน เข้าถึงกลุ่มลูกค้าระดับบนเป็นหลัก ยิ่งมีฐานลูกค้าเพิ่ม ยิ่งส่งผลต่อรายได้ ส่วนแบ่งในตลาดก็เพิ่ม
ทั้งนี้ มองว่าอีก 3 ปีทีวีดิจิตอลจะเพิ่มขึ้น จากการที่ กสทช.ได้ให้ใบอนุญาตประกอบกิจการ ส่งผลให้มีเดียหรือโฆษณาเติบโตตามไปด้วย แต่ทางทรูวิชั่นส์เชื่อว่าจะยังคงอยู่ในอุตสาหกรรมนี้ต่อไปได้ ด้วยการโฟกัสใน 2 เรื่องหลักเพื่อให้ธุรกิจเติบโตต่อไป คือ 1. โฟกัสการเข้าถึง 2. คอนเทนต์โลคัลที่จะเติบโตขึ้น เชื่อว่าไทยสามารถเป็นผู้นำในอาเซียนได้ กระแส T POP ที่กำลังได้รับความสนใจจากภูมิภาคนี้ ทั้งลาว พม่า กัมพูชา รวมถึงมาเลยเซีย อินโดนีเซีย ที่ชื่นชอบคอนเทนต์ไทยเป็นอย่างมาก จากวัฒนธรรมที่ใกล้เคียงกัน ล้วนแต่เป็นปัจจัยบวกที่จะทำให้อุตสาหกรรมโทรทัศน์ไทยยังก้าวต่อไปได้
แม้ว่าปัจจุบันเทคโนโลยีใหม่ๆ กำลังเข้ามามีบทบาท โดยเฉพาะมือถือที่กลายมาเป็นช่องทางการรับชมคอนเทนต์นั้น ในความเป็นจริงยังมีหลายคอนเทนต์ที่ผู้บริโภคไม่นิยมรับชมผ่านจอมือถือ เช่น กีฬาฟุตบอล เป็นต้น รวมถึงกลุ่มผู้สูงอายุ เป็นอีกกลุ่มที่ยังมีพฤติกรรมรับชมผ่านจอทีวีเป็นหลัก จะเห็นว่าผู้บริโภคเองมีความหลากหลาย
สอดคล้องกับการเสวนาในเรื่อง “หลุดกระแส? ทีวีดาวเทียมยังเป็นช่องทางหลักสำหรับผู้ชมชาวไทยหรือไม่? โดยนายสยามรัฐส์ เลาหสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมเจอร์ กันตนา บรอดแคสติ้ง จำกัด กล่าวว่า ทีวีดาวเทียมมีมากกว่า 10 ปี เกิน 70% เข้าถึงผู้บริโภค บวกกับการมีจำนวนช่องร่วม 200 กว่าช่อง ทำให้เข้าถึงกลุ่มพื้นที่ลูกค้าระดับแมสในต่างจังหวัดได้ดี
ขณะที่ทีวีภาคพื้นดินจะมีปัญหาการรับชม ทีวีดาวเทียมจึงเข้ามาตอบโจทย์การรับชมที่มีความคมชัด ติดตั้งง่าย ราคาถูกลง คอนเทนต์ที่หลากหลาย เป็นจุดแข็งที่ทำให้เคเบิลทีวี/ทีวีดาวเทียมจะยังคงอยู่ในอุตสาหกรรมนี้ต่อไป
นายวิชิต เอื้ออารีวรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจริญยิ่ง (8888) จำกัด กล่าวว่า กลุ่มผู้ประกอบการเคเบิลทีวีท้องถิ่นทั่วประเทศปีนี้น่าจะเหลืออยู่ 200 ราย จาก 300 กว่าราย ซึ่งปีก่อนปิดตัวไป 50 ราย ปีนี้ก็น่าจะปิดตัวไปอีก 50 รายเช่นกัน ซึ่งมองว่าในสถานการณ์วิกฤตแบบนี้ถือเป็นโอกาสทางธุรกิจ เคเบิลทีวีจะอยู่ได้ต้องมองหาโอกาสให้เจอ ต้องรวมตัวกันเพิ่มจำนวนอายส์บอล จับกลุ่มลูกค้าระดับล่าง นำเสนอคอนเทนต์ร่วม 200 ช่อง แต่เก็บค่าบริการในราคาที่ถูก อย่าง 100 บาท/เดือน พร้อมนำเสนอการต่อยอดรายได้ด้วยบริการบรอดแบนด์ในพื้นที่ระดับตำบลลงมา รวมถึงการหารายได้ผ่านโฆษณา มั่นใจว่าสามารถแข่งขันและอยู่ในอุตสาหกรรมนี้ต่อไปได้
ด้าน ดร.นิพนธ์ นาคสมภพ นายกสมาคมโทรทัศน์ดาวเทียม (ประเทศไทย) หรือ STAT กล่าวเสริมว่า ในส่วนของทีวีดิจิตอลมองว่าภายใน 2-3 ปีนี้จะเห็นความชัดเจนว่าช่องใดอยู่ได้และช่องใดจะหายไป ที่สำคัญช่องที่อยู่ได้ก็เจ็บตัว ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่จะออกมาจะทำให้เห็นความชัดเจนของอุตสาหกรรมโทรทัศน์ไทยมากยิ่งขึ้น
ปัจจุบันอุตสาหกรรมโทรทัศน์ไทยมีอยู่ 3 กลุ่มหลัก คือ 1. ผู้บริโภคระดับบน รับชมผ่านทรูวิชั่นส์ 10% 2. ผู้บริโภคระดับกลาง รับชมผ่านจานดาวเทียม/เคเบิลทีวี 70% และ 3. กลุ่มลูกค้าระดับล่างในที่ห่างไกลสัญญาณ และไม่ชอบการเสียเงิน จะรับชมผ่านเสาสัญญาณหรือกล่อง DTT ของทาง กสทช. 20%