ผู้จัดการรายวัน 360 - “ซีเอ็มโอ” ผนึก “ไร้ท์แมน” ต่อยอดธุรกิจลุยอาเซียน จับตลาดคอมเมอร์เชียลอินทีเรียร์ และโครงการด้านธุรกิจท่องเที่ยว เชื่อบายโปรเจกต์ลดต้นทุนได้ 10-20% ปีแรกทุ่ม 400 ล้านบาท ผุด 2 โปรเจกต์ในพม่า หวังใน 3 ปีรายได้รวมกันทะลุ 3,000 ล้านบาท
นายเสริมคุณ คุณาวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีเอ็มโอ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้จับมือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับบริษัท ไร้ท์แมน จำกัด บริษัทที่เชี่ยวชาญด้านการจัดงานอีเวนต์และเอ็กซิบิชันแบบครบวงจร เพื่อผนึกกำลังกันในการเพิ่มขีดความสามารถและสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ธุรกิจ โดยมุ่งเน้น 2 ส่วนหลัก คือ 1. คอมเมอร์เชียลอินทีเรียร์ และ 2. โครงการด้านธุรกิจท่องเที่ยวโดยเฉพาะในกลุ่มประเทศ CLMV ซึ่งการจับมือกันในครั้งนี้จะมีทั้งในรูปแบบการจัดตั้งบริษัทขึ้นมาใหม่, กิจการร่วมค้า และการแชร์รีซอสส์ ที่ช่วยให้แต่ละโปรเจกต์ลดต้นทุนลงได้ตั้งแต่ 10-20%
“ทั้งซีเอ็มโอและไร้ท์แมนต่างอยู่ในอุตสาหกรรมอีเวนต์ทั้งคู่ แต่ที่ผ่านมาส่วนใหญ่การทำงานหรือประมูลงานที่ผ่านมาต้องแข่งขันกันเองน้อยมาก ปีละ 1-2 งานเท่านั้น การจับมือกันครั้งนี้จึงเป็นการต่อยอดธุรกิจนำจุดแข็งของทั้งคู่มาผนึกกันในการรุกตลาดต่างประเทศในกลุ่ม CLMV โดยเฉพาะใน 2 ธุรกิจที่มองเป็นโอกาสในอนาคต ทั้งคอมเมอร์เชียลอินทีเรียร์ ที่ถือเป็นธุรกิจในการสร้างรายได้ในระยะยาวตามการเติบโตของกลุ่มรีเทล โดยธุรกิจนี้จะต้องจัดทำขึ้นมาในรูปแบบของบริษัท และอีกธุรกิจคือโครงการด้านการท่องเที่ยวที่จะลงทุนในรูปแบบบายโปรเจกต์
ด้านนายอุปถัมภ์ นิสิตสุขเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไร้ท์แมน จำกัด กล่าวเสริมว่า การจับมือกันในครั้งนี้ต่อปีคาดว่าจะใช้งบราว 400 ล้านบาทต่อปี โดยในปีนี้จะมี 2 โปรเจกต์ใหญ่ คือ 1. โปรเจกต์ไดโนซอร์แพลนเนต ที่สวนสัตว์ย่างกุ้ง ประเทศพม่า มูลค่าการลงทุน 150 ล้านบาท พื้นที่ 8,000-9,000 ตร.ม. คาดว่าจะเริ่มติดตั้งได้ เม.ย. 2560 เป็นการลงทุนร่วมกันทั้ง 2 บริษัท และโลคัลพาร์ตเนอร์ 2. เลิร์นนิ่งเซ็นเตอร์ เมียนมาร์เบียร์ เป็นการลงทุนของไร้ท์แมนกับโลคัลพาร์ตเนอร์ ส่วนคอมเมอร์เชียลอินทีเรียร์กำลังอยู่ในช่วงศึกษาตลาดร่วมกับคู่ค้าในการเข้าไปช่วยดูแลการติดตั้งและตกแต่งชอปให้แก่แบรนด์ไทยและต่างประเทศที่จะเข้าไปทำตลาดใน CLMV
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าภายในปี 2562 จากความร่วมมือกันครั้งนี้จะทำให้ทั้งสองบริษัทมีรายได้รวมกันไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท เฉพาะในส่วนของซีเอ็มโอคาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 1,700 ล้านบาท จากปี 2559 นี้น่าจะปิดรายได้ที่ประมาณ 1,390 ล้านบาทเท่าปีก่อน ขณะที่รายได้ในส่วนของโครงการท่องเที่ยวคิดเป็น 20% ของรายได้รวมทั้งหมด
ส่วนไร้ท์แมนเชื่อว่าใน 3 ปีจะมีรายได้เพิ่มเป็น 1,300 ล้านบาท จากปีนี้ที่จะปิดรายได้ 1,100 ล้านบาท โตขึ้น 15% จาก 3 โปรเจกต์ คือ 1. พิพิธภัณฑ์เหรียญ 200 ล้านบาท 2. หอสมุดกรุงเทพฯ 299 ล้านบาท 3. ไดโนซอร์แพลนเนต 200 ล้านบาท และ 4. อื่นๆ อีกราว 300 ล้านบาท ทั้งนี้มองว่าในปี 2560 รายได้จากต่างประเทศจะคิดเป็น 10% ของรายได้รวมทั้งหมด
“แม้ทั้ง 2 บริษัทจะอยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกัน แต่ก็มีฐานลูกค้าที่ไม่ซ้ำกัน กล่าวคือ กลุ่มลูกค้าของซีเอ็มโอ 80% เป็นภาคเอกชน ในขณะที่กลุ่มลูกค้าของไร้ท์แมน 80% เป็นภาครัฐ ซึ่งจะส่งผลให้ทั้ง 2 บริษัทมีกลุ่มลูกค้าในตลาดงานอีเวนต์ที่ใหญ่ขึ้น สามารถเพิ่ม Value ให้แก่ลูกค้าเดิมที่มีอยู่ได้ เราจึงมีความคาดหวังว่าการร่วมเป็นพันธมิตรกับซีเอ็มโอ ในครั้งนี้จะเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการพัฒนาธุรกิจด้านครีเอทีฟอีเวนต์ ทั้งเป็นการแชร์ทรัพยากรงานโปรดักชัน ช่วยลดต้นทุน การทำงานสร้างผลกำไรได้มากยิ่งขึ้น” นายอุปถัมภ์กล่าว