ผู้จัดการรายวัน 360 - “CMO” วางแผนลุยทศวรรษที่ 4 ทุ่มงบ 450 ล้านบาทสู่ยุทธศาสตร์ 3 ปี เน้นต่อยอดธุรกิจด้านท่องเที่ยว มั่นใจปี 61 โกยรายได้ 2 พันล้านบาท ชี้เทรนด์ธุรกิจ “แอ็กทิวิตี้อีเวนต์” เฉา แต่ “เอนเตอร์เทนเมนต์อีเวนต์” และ “ไพรเวตอีเวนต์” มาแรง มองครึ่งปีหลังรถยนต์และอสังหาริมทรัพย์เร่งเครื่องลุยการตลาด ส่งภาพรวมอีเวนต์ 1.4 หมื่นล้านบาท โตแน่ 5%
นายเสริมคุณ คุณาวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีเอ็มโอ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจอีเวนต์มูลค่า 1.4 หมื่นล้านบาท ในครึ่งปีแรก 2559 เติบโตไม่ถึง 5% เนื่องจากภาครัฐและเอกชนชะลอการใช้เงิน แต่ครึ่งปีหลังมีแนวโน้มดีขึ้นจากการจัดมหกรรมอีเวนต์กระตุ้นยอดขายของอุตสาหกรรมรถยนต์และอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องการเร่งผลักดันยอดขายหลังจากครึ่งปีแรกซบเซา ส่งผลให้ทั้งปีน่าจะเติบโตได้ 5% สูงกว่าจีดีพีของประเทศเล็กน้อยและยังเป็นธุรกิจที่ยังคงมีการแข่งขันอย่างต่อเนื่อง
เทรนด์การจัดงานอีเวนต์จะมุ่งไปในส่วนของเอนเตอร์เทนเมนต์อีเวนต์, ไลฟ์สไตล์อีเวนต์ และไพรเวตอีเวนต์มากขึ้น ส่วนแอ็กทิวิตี้อีเวน์ หรือการจัดกิจกรรมเปิดตัวสินค้าขนาดใหญ่อย่างที่ผ่านมาจะมีน้อยลง ตามเทรนด์เศรษฐกิจโลก ส่งผลให้หลังจากนี้น่าจะมีบริษัทอีเวนต์เกิดขึ้นใหม่ที่เน้นตลาดเหล่านี้มากขึ้น
ในส่วนของ “ซีเอ็มโอ” ปีนี้ครบรอบ 30 ปี บริษัทฯ วางแผนการดำเนินงานภายใต้แผนยุทธศาสตร์ 3 ปี (2559-2561) โดยจะให้ความสำคัญกับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับด้านท่องเที่ยวมากขึ้น ด้วยงบลงทุนรวมกว่า 450 ล้านบาท แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ งบลงทุน 300 ล้านบาทสำหรับธุรกิจใหม่ คือ การสร้างแหล่งท่องเที่ยวเพื่อเป็นแหล่งรายได้คงที่ และงบลงทุนปกติต่อปี 50 ล้านบาทสำหรับซื้ออุปกรณ์เพิ่มเติม
สำหรับยุทธศาสตร์การดำเนินงานประกอบด้วย 3 กลยุทธ์หลัก คือ 1. รักษาความเป็นผู้นำด้านธุรกิจอีเวนต์เอเยนซีด้วยการพัฒนาขีดความสามารถและศักยภาพของบุคลากรให้มีไอเดียสร้างสรรค์ ทั้งอีเวนต์ด้านกีฬา และงานคอนเสิร์ต เช่น ซัปพลายด้านระบบภาพแสงและเสียงในการแข่งขันมวยไทยนานาชาติ THAI FIGHT, การแข่งขันเทเบิลเทนนิสชิงชนะเลิศแห่งทวีปเอเชีย และคอนเสิร์ตในกลุ่ม “บีอีซี เทโร” ทั้งศิลปินไทยและต่างประเทศ นอกจากนี้ยังเน้นทำตลาดในอาเซียนมากขึ้นด้วยการให้บริการด้านอีเวนต์แก่ลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่ๆ ที่ต้องการเข้าไปเปิดตลาด
2. ดำเนินงานพัฒนาธุรกิจที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว เพื่อสร้างรายได้ประจำให้เติบโตอย่างยั่งยืนด้วย 2 ธุรกิจ คือ “หิมพานต์ อวตาร” การแสดงวัฒนธรรมไทยร่วมสมัยผสานเทคโนโลยี 4 มิติที่ Show DC พระรามเก้า และธุรกิจสวนสนุก “อิเมจิเนีย เพลย์แลนด์” ชั้น 3 ศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรียม และตามแผนยุทธศาสตร์ครั้งนี้จะเพิ่มแหล่งท่องเที่ยวใหม่อีกอย่างน้อย 2 แห่ง ทั้งรูปแบบเดิมและสร้างขึ้นมาใหม่ รวมถึงการขายแฟรนไชส์ในส่วนของสวนสนุกด้วย จากปัจจุบัน “อิเมจิเนีย เพลย์แลนด์” เปิดให้บริการแล้ว และ “หิมพานต์ อวตาร” จะเปิดให้บริการปลายนี้ สิ้นปีนี้รายได้ในส่วนนี้น่าจะทำได้ไม่ถึง 100 ล้านบาท แต่อีก 3 ปีข้างหน้าจะเพิ่มเป็น 400 ล้านบาท
3. พัฒนาธุรกิจด้านเอนเตอร์เทนเมนต์ และไลฟ์สไตล์มากขึ้น ทั้งในด้านศิลปะ แฟชั่น และปาร์ตี้ ภายใต้ 2 หน่วยงาน คือ “มิวส์ คอร์ปอเรชั่น” และ “โมเมนตัม เอส” โดยจะไม่เน้นการสร้างอีเวนต์ขึ้นมาเองแต่จะเน้นในส่วนของการรับจ้างเป็นหลัก ตามทิศทางเทรนด์อีเวนต์ต่างๆ ที่กำลังได้รับความนิยม เช่น EMD และสปอร์ตอีเวนต์ที่กำลังได้รับความสนใจจากคนไทยมากขึ้น
นายเสริมคุณกล่าวต่อว่า ในส่วนของ “ซีเอ็มโอ” ปีนี้ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ที่ 1.4 พันล้านบาท เติบโตขึ้นจากปีก่อน 6-7% และภายในปี 2561 ตั้งเป้ารายได้ที่ 2 พันล้านบาท โดยกว่า 50% เป็นรายได้ที่เกิดจากการทำตลาดอาเซียน หรือในภาพรวมรายได้ทั้งหมดแบ่งเป็น อีเวนต์ 70% และธุรกิจใหม่ 30% โดยปัจจุบันรับรู้รายได้ไปแล้วกว่า 850 ล้านบาท เชื่อว่าถึงสิ้นปีจะทำรายได้เป็นไปตามแผนที่วางไว้