“สมคิด” ถกร่วมบีโอไอเร่งเครื่องแผนดึงดูดการลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศหลังบรรยากาศเอื้อหนุนจัดเวทีใหญ่ปลาย พ.ย.โชว์ศักยภาพไทยให้นักลงทุนทั่วโลกเห็น ด้านบีโอไอปรับเป้าหมายยอดคำขอรับส่งเสริมการลงทุนปีนี้จาก 4.5 แสนล้านบาทเป็น 5.5 แสนล้านบาท
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมหารือร่วมกับผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) และหัวหน้าสำนักงานต่างประเทศบีโอไอ 14 แห่งทั่วโลกว่า ได้มอบหมายให้บีโอไอเร่งดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศโดยให้เน้นกลุ่มประเทศในเอเชีย ซึ่งในช่วงปลาย พ.ย.นี้บีโอไอเตรียมจะจัดงานใหญ่เพื่อเป็นเวทีในการฉายภาพให้นักลงทุนทั่วโลกได้รู้ถึงนโยบายต่างๆ ของรัฐที่จะเอื้อให้มาลงทุน ซึ่งเชื่อมั่นว่าการลงทุนจากนี้ไปจะทยอยเข้ามาเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปจนถึงปี 2560 ทำให้ล่าสุดบีโอไอได้เสนอปรับเป้าหมายการขอรับการส่งเสริมการลงทุนปีนี้เพิ่มขึ้น
“บีโอไอต้องฉายภาพต่างๆ ออกมาให้มีอิมแพกต์ในการดึงลงทุนทั้งไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะการที่เรามีร่าง พ.ร.บ.เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่กำลังจะเข้า ครม.เร็วๆ นี้ที่จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการดึงดูดการลงทุนว่ามีดีอย่างไร งานวันนั้นต้องมีธีมชัดเจน เชิญนักลงทุนทั่วโลกมาร่วมงานวันนั้น รวมทั้งบุคลากรที่เชิญระดับโลกมาพูดให้เกิดผล” นายสมคิดกล่าว
ปัจจุบันบรรยากาศการลงทุนดีขึ้นทั้งภายในและต่างประเทศโดยเฉพาะมายังเอเชียและไทยเป็นเป้าหมายที่น่าสนใจ ซึ่งเห็นได้จากล่าสุดธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศญี่ปุ่น หรือเจบิก ได้แก้ไขกฎระเบียบเพื่อรองรับความเสี่ยงในการลงทุนเพิ่มขึ้นเนื่องจากต้องการเข้ามาเป็นหุ้นส่วน (พาร์ตเนอร์) ธุรกิจกับไทย โดยเฉพาะ 10 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย ซึ่งงานชักจูงการลงทุนมีความสำคัญแต่บีโอไอมีสำนักงานต่างประเทศเพียง 14 แห่งทั่วโลก ดังนั้นจึงได้มอบหมายให้บีโอไอไปเร่งเพิ่มกำลังคนที่จะมาชักจูงการลงทุนภายใน 1 เดือนโดยการจัดจ้างบริษัทรับช่วงต่อ (เอาต์ซอร์ส)
นางหิรัญญา สุจินัย เลขาธิการบีโอไอ กล่าวว่า บีโอไอได้ปรับเป้าหมายคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนปี 2559 จากที่วางไว้ระดับ 4.5 แสนล้านบาทเป็น 5.5 แสนล้านบาท โดยจำนวนนี้ 50% จะเป็นคำขอในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่จะสร้างความเข้มแข็งให้ระบบเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันจะเร่งรัดการลงทุนจริงสำหรับคำขอที่ได้รับส่งเสริมในปี 2557 อีก 400 โครงการ มูลค่ากว่า 2 แสนล้านบาท ให้เกิดการลงทุนจริงภายใน 1-2 เดือนข้างหน้า ซึ่งจะทำให้เม็ดเงินลงทุนจริงปีนี้คาดว่าจะอยู่ระดับ 5-6 แสนล้านบาท
สำหรับการจัดงานใหญ่เพื่อดึงดูดการลงทุนต่างประเทศคาดว่าจะเป็นช่วงปลาย พ.ย.นี้ โดยกำลังหาสถานที่อยู่ซึ่งจะมีการจัดสัมมนา 3 วัน โดยเชิญนักธุรกิจระดับใหญ่ของโลก และเชิญนักธุรกิจระดับชั้นนำมาปราศรัยในเวทีเพื่อโชว์ศักยภาพการลงทุนในไทย พร้อมกันนี้จะมีการจัดงานนิทรรศการลักษณะคล้ายๆ บีโอไอแฟร์แต่เป็นการจัดภายในอาคารที่จะโชว์ศักยภาพประเทศและอุตสาหกรรมเป้าหมาย ซึ่งรูปแบบต่างๆ จะสรุปเร็วๆ นี้อีกครั้ง
“เวลานี้เรามีเครื่องมือหลายอย่างที่เชื่อว่าจะดึงดูดนักลงทุนได้มาก ทั้ง พ.ร.บ. EEC พ.ร.บ.ส่งเสริมการลงทุนใหม่ กองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย ซึ่งจะทำให้บรรยากาศการลงทุนในไทยปลายปีนี้ต่อเนื่องไปถึงปีหน้าจะดีมาก” นางหิรัญญากล่าว