xs
xsm
sm
md
lg

“Edtech Asia Summit 2016” จุดประกายความคิดธุรกิจเทคโนโลยีทางการศึกษา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เก็บตกบรรยากาศจากงานประชุมสุดยอดผู้นำธุรกิจเทคโนโลยีทางการศึกษา “Edtech Asia Summit 2016” ณ หอประชุมใหญ่ ชั้น 9 อาคารศศปาฐศาลา สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งมีผู้บริหารและตัวแทนกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีทางการศึกษา (Edtech) ของประเทศต่างๆ ในเอเชียเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก

“Edtech Asia Summit 2016” เป็นการประชุมใหญ่ประจำปีของวงการธุรกิจเทคโนโลยีทางการศึกษาที่ใหญ่ที่สุดในทวีปเอเชีย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นเวทีสำหรับการพบปะแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างมืออาชีพด้านเทคโนโลยี นักลงทุน และผู้บริหารที่ประสบความสำเร็จมาสร้างแรงบันดาลใจในแง่มุมต่างๆ มีการแบ่งปันความรู้และประสบการณ์เกี่ยวกับแนวโน้มเทคโนโลยีทางการศึกษาใหม่ๆ และนวัตกรรมดิจิตอลที่เกิดขึ้นในเอเชีย ตลอดจนร่วมกันเสนอแนวคิดหาวิธีเพิ่มคุณค่าทางธุรกิจให้ประสบผลสำเร็จด้วยกลยุทธ์ต่างๆ

หัวข้อหลักของการประชุมในปีนี้คือ “การเติบโตของกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีการศึกษาในเอเชียด้วยกลยุทธ์ Ecosystem” ได้สะท้อนให้เห็นถึงเป้าหมายของ “Edtech Asia Summit 2016” ในการเป็นเวทีเชื่อมโยงผู้นำทางธุรกิจและเทคโนโลยีกับผู้ประกอบการรุ่นใหม่ หรือ Start Up เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่จะสร้างแรงกระเพื่อมต่อธุรกิจและสังคมระดับเอเชีย

“Edtech Asia Summit 2016” มีผู้เข้าร่วมงานกว่า 200 คนจาก 20 ประเทศทั่วเอเชียและทั่วโลก เป็นการรวมตัวครั้งใหญ่ของผู้สร้างนวัตกรรมเทคโนโลยี ผู้ประกอบการ นักลงทุน ผู้บริหารระดับสูง และองค์กรชั้นนำต่างๆ ซึ่งกำลังมีบทบาทในการสร้างนวัตกรรมและเทรนด์ใหม่ๆ ในเอเชีย รวมทั้งการร่วมกันนำกลยุทธ์ Ecosystem ซึ่ง Apple โดย “สตีฟ จ็อบส์” นำมาใช้และประสบความสำเร็จอย่างสุดยอดกับการใช้ระบบนิเวศของบริษัทที่ประกอบด้วยสินค้า บริการ เนื้อหาต่างๆ ที่ครบถ้วน และมีความเชื่อมโยงและสัมพันธ์กัน โดยที่ลูกค้า หรือผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องออกไปภายนอกระบบนิเวศของบริษัทก็สามารถได้รับคุณค่าทุกอย่างตามที่ต้องการ หรือพูดง่ายๆ ก็คือ เมื่อใดก็ตามที่ผู้บริโภคตกเข้าไปในวังวนของผลิตภัณฑ์ Apple แล้วก็มักจะไม่สามารถหลุดออกมาได้และมีแต่ถลำลึกไปในระบบ Ecosystem ของ Apple มากขึ้น

การประชุมในปีนี้ยังได้มีการจัดบรรยายในหัวข้อที่น่าสนใจต่างๆ โดยมีวิทยากรและผู้บริหารธุรกิจทางการศึกษาที่ประสบความสำเร็จกว่า 60 คนจากทั่วโลกมาสร้างแรงบันดาลใจให้แก่บรรดาสตาร์ทอัพหน้าใหม่เกี่ยวกับแนวทางในการสร้างธุรกิจให้ประสบความสำเร็จด้วยการให้ข้อมูลเชิงลึกและบอกเล่าประสบการณ์ของมืออาชีพให้ผู้เข้าร่วมงานฟัง มีผู้บรรยายระดับแถวหน้า เช่น Mr. Sandeep Aneja ผู้ก่อตั้งและกรรมการบริหาร “ไคเซ็น ไพรเวท อีควีตี” (Kaizen Private Equity) อีกท่านคือ Ms.Allison Baum ผู้จัดการหุ้นส่วน “เฟรสโก แคปปิตัล” (Fresco Capital) และ Ms. Rachel Brujis ผู้จัดการฝ่ายลงทุน ของ “เพียร์สัน” (Pearson) รวมทั้ง “ดร.ทรูแมน ฟาม” (Truman Pham) ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารของกลุ่ม Topica Edtech ได้อภิปรายในหัวข้อ “Cultivation of Education Entrepreneur Leadership in Asia การพัฒนาองค์ความรู้ด้านการศึกษาและเทคโนโลยีสู่การเป็นนักธุรกิจชั้นนำของเอเชีย”
“ดร.ทรูแมน ฟาม” ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารกลุ่ม Topica Edtech
ใจความสำคัญของการอภิปรายกล่าวถึงสถานการณ์เทคโนโลยีทางการศึกษาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอกาสของการทำธุรกิจในวงการนี้ ดร.ทรูแมน ฟาม กล่าวว่า

“ธุรกิจเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาเริ่มเข้าสู่ตลาดเมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว ซึ่งในขณะนั้นมีการศึกษาในรูปแบบใหม่ที่เป็นการศึกษาแบบเปิดเกิดขึ้นจากนั้นก็ซบเซาลงพักหนึ่ง แต่ไม่นานมานี้กลับมีการลงทุนในธุรกิจด้านนี้เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็เช่นกัน จากการสำรวจเมื่อเร็วๆ นี้ในประเทศเวียดนามเพียงประเทศเดียวแสดงให้เห็นว่ามีธุรกิจสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีทางการศึกษา 100 ราย เหมือนตอนเกิดธุรกิจอี-คอมเมิร์ซเมื่อ 7-8 ปีก่อน”

มีคำถามว่าอะไรเป็นปัจจัยที่ทำให้อุตสาหกรรมเทคโนโลยีทางการศึกษาเติบโตมากขนาดนั้น
ดร.ทรูแมน ฟาม ให้ความเห็นว่าการขยายตัวของธุรกิจสตาร์ทอัพในสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะที่ซิลิกอนวัลเลย์ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นผู้นำของสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีทางการศึกษาของโลกก่อให้เกิดสภาวการณ์ดังกล่าวขึ้น โดยนักลงทุนได้ให้การสนับสนุนธุรกิจด้านนี้อย่างจริงจัง ขณะเดียวกันพวกเขาก็คอยสังเกตการณ์ตลาดใหม่ๆ ด้วย

ดร.ทรูแมน ฟาม ตั้งข้อสังเกตว่านักลงทุนยังมีความกังวลอยู่บ้างในแง่ที่ว่าเทคโนโลยีเพื่อการศึกษายังไม่ได้เฟื่องฟูไปทั่วทุกมุมโลก แต่ตัวเขากลับมองเห็นโอกาสทองของธุรกิจแขนงนี้

“เมื่อ 7-8 ปีก่อนคุณก็ไม่เห็นสตาร์ทอัพที่ประสบความสำเร็จในอี-คอมเมิร์ซเหมือนกัน นี่คือเหตุผลว่าทำไมสตาร์ทอัพและนักลงทุนหน้าใหม่ควรหันมาจับธุรกิจนี้เพราะว่ามันคือโอกาสที่จะสร้างสิ่งที่ผู้คนกำลังคาดว่าต่อไปจะเป็นธุรกิจล้านล้านเหรียญสหรัฐในด้านเทคโนโลยีทางการศึกษา”

“บริษัทชั้นนำที่มีรายได้หลักหมื่นล้านเหรียญสหรัฐอยู่ในแวดวงโฆษณา ขณะที่บริษัทชั้นนำที่มีรายได้หลักแสนล้านเหรียญสหรัฐเป็นโซเชียลเน็ตเวิร์ก และตอนนี้กำลังเป็นที่คาดการณ์กันว่าบริษัทชั้นนำล้านล้านเหรียญสหรัฐจะอยู่ในวงการเทคโนโลยีทางการศึกษา”

ดร.ทรูแมน ฟาม กล่าวว่า ธุรกิจด้านการศึกษามีขนาดใหญ่กว่าธุรกิจด้านโทรคมนาคมประมาณ 7 เท่า แต่ส่วนใหญ่ยังเป็นการศึกษาแบบออฟไลน์อยู่ ธุรกิจนี้จึงมีลู่ทางให้ลงทุนอีกมากมาย ลองนึกดูว่าสมัยก่อนครอบครัวคุณต้องเสียเงินไปเท่าไหร่กับการศึกษา เปรียบเทียบกับเงินที่คุณใช้จ่ายไปในการเรียนเป็นค่าสมาร์ทโฟน ค่าสมาชิก รวมทั้งค่าแอปพลิเคชันต่างๆ เทคโนโลยีทางการศึกษาจึงเป็นธุรกิจแขนงใหญ่ที่สามารถลงทุนได้สารพัดอย่าง ไม่ว่าคุณจะมองไปทางไหนก็ล้วนมีแต่โอกาสทั้งนั้น

ประเด็นสำคัญคือโอกาสมีอยู่มากมายก็จริงแต่ก็มีปัญหาด้วย ดร.ทรูแมน ฟาม กล่าวว่า

“ปัญหาหนึ่งที่สตาร์ทอัพทั่วโลกมักจะพบเหมือนๆ กันคือ การไม่ยอมรับเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อพัฒนาการศึกษา แม้แต่สตาร์ทอัพในสหรัฐอเมริกาก็มีปัญหานี้เช่นกัน วิธีแก้ปัญหานี้ก็คือควรเน้นการเรียนในกลุ่มผู้ใหญ่เพราะเป็นกลุ่มที่มีกฎเกณฑ์น้อยที่สุดและสามารถตัดสินใจเรื่องการเรียนได้เอง แต่ถ้ามุ่งไปที่กลุ่มนักเรียนประถมฯ หรือมัธยมฯ ก็จะพบปัญหา เพราะคนที่จะตัดสินใจเรื่องการเรียนของเด็กกลุ่มนี้มักไม่ใช่พ่อแม่ แต่กลับเป็นครูใหญ่ หรือบางทีก็เป็นผู้บริหารเขตการศึกษาเสียด้วยซ้ำ ดังนั้นในการทำธุรกิจจึงควรมุ่งเจาะตลาดกลุ่มผู้ใหญ่จะดีกว่า”

อุปสรรคอีกอย่างของการพัฒนาธุรกิจทางการศึกษาคือ ความเชื่อที่ว่าคนที่ประกอบอาชีพครู หรืออาจารย์ในทุกระดับไม่ว่าจะเป็นชั้นอนุบาล-มหาวิทยาลัยมักมีรายได้น้อยจึงทำให้คนรุ่นใหม่สนใจที่จะประกอบอาชีพอื่นที่จะสร้างรายได้ให้มากกว่า จึงทำให้เกิดการขาดแคลนทั้งด้านจำนวนและคุณภาพของบุคลากรทางการศึกษา

อย่างไรก็ตาม อาชีพครู หรืออาจารย์ในเวียดนามและไทยมีแนวโน้มจะมีรายได้เพิ่มขึ้นภายใน 5 ปีจากนี้ โดยยกตัวอย่างอาจารย์ 3 ท่านที่ทำคอร์สเรียนแบบออนไลน์เกี่ยวกับความคิดสร้างสรรค์ ศิลปะและความชำนาญทั่วไปให้แก่บริษัทในเครือของ Topica อย่าง Topica Edumall ซึ่งสามารถสร้างรายได้ถึง 3 แสนเหรียญสหรัฐต่อเดือน แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะทำได้ดังเช่นอาจารย์ 3 ท่านนี้ พวกเขาสามารถสร้างรายได้จำนวนมากเพราะตั้งใจทำงานออกมาให้ดี ทั้งเตรียมหลักสูตร บทพูด และถ่ายวิดีโอเพื่อปรับแต่งการพูดและการนำเสนอ รวมทั้งฟังผลตอบรับทั้งจากออนไลน์และออฟไลน์ เป้าหมายของพวกเขาคือต้องการให้ผู้เรียนสามารถเข้าใจอย่างแท้จริงในหลักสูตรที่เขาสอน โดยทั้ง Topica และเว็บไซต์ Youtube กำลังร่วมมือกันสร้างเวิร์กชอปสำหรับอาจารย์และผู้สอนเพื่อเป็นแหล่งข้อมูลเพื่อพัฒนาและฝึกฝนในการถ่ายทอดหลักสูตรโดยมุ่งหวังให้ผู้เรียนประสบความสำเร็จสูงสุด

จากการที่ได้รับเกียรติให้เป็นผู้อภิปรายในวงการ Start Up และเทคโนโลยีทางการศึกษามาหลายเวทีทั่วโลก ผู้บริหารของกลุ่ม Topica Edtech กล่าวทิ้งท้ายว่า ขณะนี้ทั่วโลกกำลังชื่นชมการพัฒนาทางเทคโนโลยีใหม่ๆ และสนับสนุนกลุ่มสตาร์ทอัพในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนให้ดีขึ้น ดังนั้นช่วงเวลานี้จึงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะที่สุดของผู้ประกอบการหน้าใหม่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่จะสร้างธุรกิจของตนเองและยืนหยัดอย่างมั่นคงแข็งแกร่ง



กำลังโหลดความคิดเห็น