“บีโอไอ” เผยผลสำรวจความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างชาติในไทยประจำปี 2559 พบนักลงทุน 64% เดินหน้าลงทุนตามแผนเดิม และ 32.8% เตรียมแผนขยายการลงทุนในไทยเพิ่ม เหตุโครงสร้างพื้นฐาน วัตถุดิบและชิ้นส่วน ซัปพลายเออร์ ระบบขนส่งลอจิสติกส์ มีคุณภาพ ส่วนที่จะลดระดับการลงทุนมีเพียง 2.7%
นายโชคดี แก้วแสง รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ เปิดเผยถึงผลการสำรวจความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติในประเทศไทย ประจำปี 2559 จากจำนวนกว่า 600 บริษัทที่ตอบแบบสอบถามและให้สัมภาษณ์เชิงลึก พบว่า นักลงทุนต่างชาติมีความเชื่อมั่นต่อประเทศไทย โดยนักลงทุน 32.8% มีแผนที่จะขยายการลงทุนในประเทศไทย ซึ่งมีสัดส่วนสูงกว่าที่ได้มีการสำรวจในปี 2558 และปร 2557 ที่มีสัดส่วนนักลงทุนที่ต้องการขยายการลงทุนอยู่ที่25.2% และ 23.5% ตามลำดับ ขณะเดียวกัน นักลงทุนอีก 64.3% จะเดินหน้าลงทุนในไทยตามแผนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ส่วนนักลงทุนที่จะลดระดับการลงทุนในไทยลงนั้นมีสัดส่วนเพียง 2.7% เท่านั้น
สำหรับปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนวางแผนจะขยายการลงทุน รวมทั้งยังคงเดินหน้าลงทุนในประเทศไทยตามแผนเดิม พบว่าปัจจัยสำคัญสามลำดับแรก คือ โครงสร้างพื้นฐานโดยรวมที่มีอยู่เพียงพอ 52.7% การมีวัตถุดิบและชิ้นส่วนเพียงพอ 49.6% และการมีซัปพลายเออร์ที่เพียงพอ 47.7% ตามด้วยคุณภาพของระบบการขนส่งและลอจิสติกส์ 47.3% สิทธิประโยชน์ด้านการลงทุนที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดการลงทุน 46.3%
นอกจากนี้ การสำรวจยังได้สอบถามถึงการคาดการณ์ผลประกอบการในปี 2559 และปี 2560 ด้วย ซึ่งนักลงทุนส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าผลประกอบการในมิติต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรายได้รวม รายได้จากตลาดในประเทศ รายได้จากตลาดต่างประเทศ และผลกำไรในปี 2559 จะดีกว่าในปี 2558 รวมถึงคาดว่าในปี 2560 จะดีกว่าปี 2559 อีกด้วย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงบรรยากาศการลงทุนและการดำเนินธุรกิจเชิงบวกในประเทศไทย
สำหรับผลสำรวจเรื่องความพึงพอใจต่อบริการของบีโอไอพบว่า นักลงทุนส่วนใหญ่พอใจต่อบริการจากเจ้าหน้าที่บีโอไอ รวมถึงการนำระบบออนไลน์มาให้บริการแทนการยื่นเอกสาร ช่วยเพิ่มความสะดวกแก่ผู้ใช้บริการอย่างมาก