นายโชคดี แก้วแสง รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ เปิดเผยถึงผลการสำรวจความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติในประเทศไทย ประจำปี 2559 พบว่า นักลงทุนต่างชาติมีความเชื่อมั่นต่อประเทศไทย โดยนักลงทุนร้อยละ 32.8 มีแผนที่จะขยายการลงทุนในประเทศไทย มีสัดส่วนสูงกว่าในปี 2558 และ 2557 ที่มีสัดส่วนนักลงทุนที่ต้องการขยายการลงทุนอยู่ที่ร้อยละ 25.2 และ 23.5 ตามลำดับ โดยนักลงทุนอีกร้อยละ 64.3 จะเดินหน้าลงทุนในไทยตามแผนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ส่วนนักลงทุนที่จะลดระดับการลงทุนในไทยลงนั้นมีสัดส่วนเพียงร้อยละ 2.7 เท่านั้น โดยปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนวางแผนจะขยายการลงทุน รวมทั้งยังคงเดินหน้าลงทุนในประเทศไทยตามแผนเดิม ได้แก่ โครงสร้างพื้นฐานโดยรวมที่มีอยู่เพียงพอร้อยละ 52.7 การมีวัตถุดิบและชิ้นส่วนเพียงพอ ร้อยละ 49.6 และการมีซัพพลายเออร์ที่เพียงพอ ร้อยละ 47.7 ตามด้วยคุณภาพของระบบการขนส่งและโลจิสติกส์ ร้อยละ 47.3 สิทธิประโยชน์ด้านการลงทุนที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดการลงทุนร้อยละ 46.3
นอกจากนี้ การสำรวจยังได้สอบถามถึงการคาดการณ์ผลประกอบการในปี 2559 และปี 2560 ด้วย ซึ่งนักลงทุนส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าผลประกอบการในมิติต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นรายได้รวม รายได้จากตลาดในประเทศ รายได้จากตลาดต่างประเทศ และผลกำไรในปี 2559 จะดีกว่าในปี 2558 รวมถึงคาดว่าในปี 2560 จะดีกว่าปี 2559 อีกด้วย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงบรรยากาศการลงทุนและการดำเนินธุรกิจเชิงบวกในประเทศไทย
นอกจากนี้ การสำรวจยังได้สอบถามถึงการคาดการณ์ผลประกอบการในปี 2559 และปี 2560 ด้วย ซึ่งนักลงทุนส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าผลประกอบการในมิติต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นรายได้รวม รายได้จากตลาดในประเทศ รายได้จากตลาดต่างประเทศ และผลกำไรในปี 2559 จะดีกว่าในปี 2558 รวมถึงคาดว่าในปี 2560 จะดีกว่าปี 2559 อีกด้วย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงบรรยากาศการลงทุนและการดำเนินธุรกิจเชิงบวกในประเทศไทย