ผู้จัดการรายวัน 360 - นายทศ จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัล กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่ร่างรัฐธรรมนูญได้ผ่านการทำประชามติและผ่านการรับรองไปแล้ว จะส่งผลดีต่อภาพรวมของเศรษฐกิจประเทศไทยเพราะมีความชัดเจนมากขึ้น จากนี้ไปทั้งข้าราชการ เอกชน และรัฐบาลก็จะทำงานกันง่ายและสะดวกขึ้น ทั้งยังเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจทุกภาคส่วนไม่ใช่เฉพาะค้าปลีก ขณะที่ภาพรวมกำลังซื้อก็จะดีขึ้นด้วย ส่วนกรณีต่างชาติที่เคยติงประเทศไทยก็คงจะพูดวิจารณ์มากไม่ได้แล้วเพราะรัฐธรรมนูญผ่านการทำประชามติแล้ว เป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและสร้างความเชื่อมั่นต่อทั่วโลกด้วย
ในแง่ของ “เซ็นทรัล กรุ๊ป” มีนโยบายชัดเจนในการลงทุนระยะยาวอยู่แล้ว ไม่ว่าเศรษฐกิจของประเทศไทยจะเป็นอย่างไรก็จะมีการลงทุนต่อเนื่องตลอดเวลา รวมไปถึงการสนับสนุนและผลักดันธุรกิจเอสเอ็มอีให้มีโอกาสในการเติบโตไปพร้อมๆ กันด้วย เพราะยุคนี้เป็นยุคของการรวมกัน (Collaboration) ล่าสุดมีแนวทางในการจัดตั้งหน่วยงานใหม่ขึ้นมาภายใต้ “เซ็นทรัล กรุ๊ป” เพื่อเข้ามารับผิดชอบและดูแลธุรกิจเอสเอ็มอีในการวางกรอบหลักการนโยบายแนวทางที่เซ็นทรัลจะให้การสนับสนุน ส่งเสริม ผลักดัน และเพิ่มศักยภาพให้แก่ผู้ประกอบการเหล่านี้ โดยเปิดกว้างสำหรับผู้ที่สนใจ
นายทศ กล่าวว่า เอสเอ็มอีเป็นหัวใจของการพัฒนาประเทศไทย โดยทุกวันนี้ถือเป็นยุคทองของเอสเอ็มอี ซึ่งทุกวันนี้ตลาดเอสเอ็มอีโตขึ้นมากทั้งเขตกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด อีกทั้งตลาดเปลี่ยนไป เทคโนโลยีก็เปลี่ยน โดยภาคเอกชน บริษัทเล็กใหญ่ และสถาบันการเงิน ทุกคนมองเห็นตรงกันหมดว่าเอสเอ็มอีเป็นส่วนสำคัญที่จะต้องช่วยผลักดันทำให้ประเทศชาติเติบโต
“ถ้าย้อนไปเมื่อเริ่มแรกเซ็นทรัลเกิดในสมัยคุณพ่อสัมฤทธิ์ จิราธิวัฒน์ ที่คุณปู่ให้มาทำธุรกิจ เริ่มจากห้องเล็กๆ เป็นร้านหนังสือ ซึ่งคุณพ่อเป็นผู้มีความชื่นชอบในสินค้าที่อยู่ในแมกกาซีน จึงเป็นจุดเริ่มต้นให้มีการนำเข้าสินค้ามาจากต่างประเทศ ซึ่งต่อมาท่านได้เดินทางไปในหลายประเทศทั่วโลกและสินค้าเข้ามาขาย จนเปิดเป็นห้องเช่าเซ็นทรัล ต่อมาในปี 2514 จึงได้กำเนิดเป็น เซ็นทรัล ชิดลม ซึ่งเป็นแห่งแรก และยาวนานกว่า 40 ปี ต่อมาในปี 2525 จึงได้เปิด เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว ซึ่งเป็นศูนย์การค้าที่สมบูรณ์แบบที่สุด ที่ไม่ใช่แค่ในประเทศไทย โดยมีทั้งออฟฟิศและโรงแรมภายในอาคารศูนย์การค้า โดยยอดขายของเซ็นทรัลใน 30 ปีต่อมาเติบโตขึ้นเป็น 100 เท่า”
นายทศ กล่าวในตอนท้ายว่า การบริหารเข้ามาบริหารงานต่อจากคุณพ่อ เริ่มต้นจากการร่วมกันกับเพื่อนอีก 5 ท่าน ซึ่งตอนนั้นทุกคนอยู่ในวัยเพียง 30 ปี ซึ่งเป็นวัยที่น่าสนใจและมีพละกำลังในการสร้างอะไรใหม่ๆ และตั้งใจทำอะไรได้ดี และทำให้ดีที่สุด จึงร่วมกันสร้าง บิ๊กซี เซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ ในปี 2533 ซึ่งเป็นไฮเปอร์มาร์เก็ตแห่งแรกในประเทศไทย และทำยอดขายได้ถึง 1 พันล้านเหรียญสหรัฐภายในเวลา 3 ปี โดยในขณะนั้นต้องแข่งกับคาร์ฟูร์ และโลตัส ซึ่งเป็นคู่แข่งระดับโลก ต่อมาได้สร้างโรงแรม Six Sense Samui และได้รางวัล Best travel in the world
ด้าน ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ “ซีพีเอ็น” กล่าวเสริมว่า หน่วยงานใหม่ที่จัดตั้งนี้อยู่ระหว่างการเตรียมงานและดำเนินการซึ่งรับผิดชอบโดยตน รวมถึง นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ อดีตรองผู้จัดการหัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และอดีตผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai)
“เราจะทำการเปิดคอร์สอบรมให้แก่เอสเอ็มอีที่เข้าร่วมโครงการ ว่าจะดำเนินธุรกิจต่อไปอย่างไรให้เติบโตท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของโลกและจะเข้าร่วมเป็นคู่ค้ากับเซ็นทรัลกรุ๊ปได้อย่างไร เพราะเซ็นทรัลกรุ๊ปมีแพลตฟอร์มที่ชัดเจนและสมบูรณ์ที่สุดในระบบค้าปลีกซึ่งกว้างมาก เราจะเป็นมาร์เกตเพลซได้ด้วย เป็นช่องทางรีเทลได้ด้วย เบื้องต้นตั้งเป้าหมายเอสเอ็มอีเข้าร่วมอบรมประมาณ 50 รายต่อคอร์สแรก คาดว่าจะเริ่มได้ประมาณปลายปีนี้ ซึ่งตอนนี้มีเอสเอ็มอีจำนวนมากแสดงความจำนงแล้ว”
“ซีพีเอ็น” นำทัพธุรกิจกลุ่มเซ็นทรัล นำโดย บริษัทเซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) จัดงาน “เอสเอ็มอี ธิงค์บิ๊ก #คิดให้ใหญ่ ไปได้ไกล กับกลุ่มเซ็นทรัล” ขานรับนโยบายประชารัฐเพื่อผลักดันเอสเอ็มอีไทยเข้าสู่ตลาดค้าปลีกอย่างเป็นรูปธรรม สร้างโอกาสในการเข้าถึงช่องทางการจำหน่ายกับกลุ่มเซ็นทรัล ชวนเอสเอ็มอีจับคู่ธุรกิจกับกลุ่มเซ็นทรัล (Business Matching) ชูความเชี่ยวชาญด้านค้าปลีกกว่า 60 ปี
นายปรีชา เอกคุณากูล กรรมการผู้จัดการใหญ่และเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ได้นำกลุ่มธุรกิจ 5 กลุ่มของเซ็นทรัลกรุ๊ป ได้แก่ กลุ่มธุรกิจห้างสรรพสินค้า กลุ่มธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค กลุ่มธุรกิจวัสดุก่อสร้าง สินค้าตกแต่งบ้านและเครื่องใช้ไฟฟ้า และกลุ่มธุรกิจอุปกรณ์เครื่องเขียน ผนึกกำลังเปิดอาณาจักรค้าปลีกสมัยใหม่ จัด “เอสเอ็มอี ธิงค์บิ๊ก คิดให้ใหญ่ ไปได้ไกล กับกลุ่มเซ็นทรัล” ให้ผู้ประกอบการรายย่อยได้เข้าถึงโอกาสการเติบโต และขยายธุรกิจทั้งออฟไลน์และออนไลน์
เรามีพื้นฐานความรู้และวิธีการทำธุรกิจค้าปลีกหยั่งลึกและมีเครือข่ายในการจัดจำหน่ายสินค้าที่แข็งแกร่ง รวมกว่า 1,300 จุดจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ ครอบคลุมทุกแพลตฟอร์มตั้งแต่การจำหน่ายสินค้าออนไลน์ จำหน่ายในร้านสะดวกซื้อ ซูเปอร์มาร์เกต ห้างสรรพสินค้า การเปิดร้านค้าหลายรูปแบบขนาดต่างๆ ในศูนย์การค้า ซึ่งบริหารโดย บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ได้แก่ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เซ็นทรัลพลาซา และเซ็นทรัลเฟสติวัล ทั้งหมด 30 สาขา กระจายครอบคลุมทั่วทุกภาคของประเทศ โดยในทุกศูนย์การค้าของซีพีเอ็น เราได้นำกลุ่มธุรกิจอื่นๆ ภายใต้กลุ่มเซ็นทรัล ตลอดจนพันธมิตร ผู้ประกอบการร้านค้า ให้เติบโต ขยายกิจการก้าวหน้าไปด้วยกัน
“เราพร้อมที่จะเป็นที่ปรึกษาและสนับสนุนองค์ความรู้ต่างๆ ตลอดจนระบบการบริหารจัดการและการจัดจำหน่ายที่มีประสิทธิภาพพร้อมด้วยเครือข่ายพันธมิตรที่แข็งแกร่ง เพื่อติดปีกเอสเอ็มอีไทยเข้าสู่ตลาดค้าปลีกอย่างเป็นรูปธรรมทั้งในระดับประเทศและระดับภูมิภาค สร้างแบรนด์ไทยให้ขายได้จริง เพิ่มความแข็งแกร่งของผู้ประกอบการรายย่อย ช่วยสร้างงาน สร้างอาชีพ กระจายรายได้ ส่งเสริมรากฐานเศรษฐกิจไทยให้แข็งแกร่ง เพื่อการเจริญเติบโตก้าวหน้าอย่างยั่งยืน เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้าน และผลักดันให้ประเทศไทยกลายเป็นผู้นำด้านสินค้าเอสเอ็มอีในระดับภูมิภาค” นายปรีชากล่าวสรุป
กำลังโหลดความคิดเห็น