xs
xsm
sm
md
lg

“โฟร์โมสต์” เร่งเครื่องปั้นแบรนด์รอง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

 ดร.โอฬาร โชว์วิวัฒนา ผู้อำนวยการฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ บริษัท ฟรีสแลนด์คัมพิน่า (ประเทศไทย) จำกัด
ผู้จัดการรายวัน 360 – “โฟร์โมสต์” เร่งเครื่องบูมแบรนด์อื่นในเครือ “โยโมสต์-มายบอย-ฟัลคอน-เรือใบ” รุกหนักตลาดนมเปรี้ยวและนมข้น ควบคู่กับแบรนด์หลักอย่างโฟร์โมสต์ ปั้นไทยศูนย์กลางผลิตป้อนเครือข่ายต่างประเทศ สานแผนงาน 5 ปีทุ่ม 5,000 ล้านบาท
ดร.โอฬาร โชว์วิวัฒนา ผู้อำนวยการฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ บริษัท ฟรีสแลนด์คัมพิน่า (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายนมโฟร์โมสต์ในไทย เปิดเผยว่า โฟร์โมสต์ทำตลาดในไทยในหลายกลุ่มและหลายแบรนด์ เช่น นมยูเอชทีและพาสเจอร์ไรซ์แบรนด์โฟร์โมสต์ โยเกิร์ตแบรนด์โยโมสต์ นมข้นหวานและจืด แบรนด์มายบอย แบรนด์ฟัลคอน และแบรนด์เรือใบ เป็นต้น แต่ที่ผ่านมา การทำตลาดจะมุ่งเน้นไปที่แบรนด์หลักคือนมโฟรโมสต ด้วยสัดส่วนรายได้และงบการตลาดมากกว่า 80-90%
ทั้งนี้จากนี้บริษัทฯมีแผนที่จะขยายธุรกิจและขยายตลาดในแบรนด์รองอื่นๆเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม ด้วยการเพิ่มงบโฆษณาการตลาดมากขึ้น เนื่องจากตลาดนมเปรี้ยวและตลาดนมข้มหวานและจืดในไทยก็ยังเป็นตลาดที่มีศักยภาพ จากเดิมที่งบการตลาดแต่ละปีมากกว่า 10% จากยอดขายรวมประมาณ 15,000 ล้านบาท จะนำไปใช้กับแบรนด์หลักคือ โฟร์โมสต์มากกว่า 80-90% และสัดส่วนยอดขายก็มาจากแบรนด์โฟร์โมสต์ 80-90% เช่นกัน ส่วนโครงการนมโรงเรียนทางโฟร์โมสต์ได้ตัดสินใจเลิกทำแล้วปีนี้
“โฟร์โมสต์มีหลายแบรนด์ แต่เราก็ยังไม่นำแบรนด์ใหม่เข้ามาทำตลาดเพิ่ม เราจะโฟกัสและลงทุนในแบรนด์ที่ทำอยู่แล้วในไทย ซึ่งถ้ามองตลาดรวมแล้ว ประเทศไทยถือว่าเป็นตลาดที่มีผู้ประกอดบการนมทำตลาดมากมายเมื่อเทียบกับเอเซียด้วยกัน แต่น้อยกว่าเมื่อเทียบกับตลาดในยุโรป และการที่เปิดเออีซีก็ทำให้มีหลายแบรนด์เข้ามาทำตลาดเพิ่มก้ถือเป็นเรื่องดีทำให้ตลาดขยายตัวซึ่งปรกติตลาดนมรวมเติบโต 5% เมื่อปีที่แล้ว และผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้น แต่โฟร์โมสต์ก็เป็นผู้นำตลาดในกลุ่มนมพาณิชย์ไทย ในปี 2558 ฟรีสแลนด์คัมพิน่า( ประเทศไทย) มีส่วนแบ่งการตลาดในตลาดนมพร้อมดื่ม อยู่ที่ 32% ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตจากปี 2557 อยู่ที่ 9% โดยครึ่งปีแรก2559นี้โฟร์โมสต์เติบโต 8% ขณะที่เศรษฐกิจรวมเติบโตแค่ 2% และคาดว่าปีนี้ทั้งปีโฟร์โมสต์จะเติบโต 8% ขณะที่การเติบโตของธุรกิจนมในไทย 5% ต่อปี“ ดร.โอฬารกล่าว
นอกจากนั้นจะผลักดันให้โฟร์โมสต์ไทยเป็นฐานผลิตที่ส่งสินค้าไปยังเครือข่ายโฟร์โมสต์ทั่วโลก ด้วยการพัฒนาศักยภาพการผลิตให้มีคุณภาพและมีต้นทุนต่ำที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะถ้าเรามีต้นทุนต่ำเราก็ได้เปรียบและสามารถส่งออกได้หลายประเทศโดยอัติโนทัติ แม้ว่าตอนนี้ต้นทุนในไทยยังคงสูงกว่าในหลายประเทศ รวมทั้งการหาตลาดต่างประเทศใหม่ๆจากเดิมที่เน้นเอเซีตะวันออกเฉียงใต้เป็นหลักและขยายตลาดใหม่ที่ทำอยู่ให้มากขึ้น เช่น ฮ่องกง จีน แอฟริกา ปัจจุบันมีรายได้จากการส่งออกประมาณ 2,300 ล้านบาทต่อ่ปี คิดเป็น 1 ใน 3 ของมูลค่าการส่งออกจากไทยรวมที่มีประมาณ 6,600 ล้านบาท
ตามแผนลงทุน 5 ปีเริ่มปี 2559 จะใช้งบรวม 5,000 ล้านบาทเพิ่มกำลังการผลิตและเพิ่มศักยภาพการผลิต ซึ่งมีโรงงาน 2 แห่งคือ สำโรงและหลักสี่ มีสัดส่วนการส่งออกประมาณ 20% จากกำลังการผลิตปัจจุบันอยู่ที่ 3000 ล้านยูนิตต่อปี โดยจะเพิ่มกำลังผลิตเฉลี่ยปีละ 12% และเพิ่มรายได้จากการส่งออกประมาณ 10% ต่อปี ปัจจุบันเรารับน้ำนมดิบจากเกษตรกรประมาณ 390 ตันต่อวันโดย ธุรกิจส่งออกนมของฟรีสแลนด์คัมพิน่า( ประเทศไทย) โต 10% ต่อปี

โดยบริษัทฯได้เร่ิมโครงการพัฒนาคุณภาพน้ำนมดิบและโคนม (Dairy Development Program - DDP) ของ บริษัทฟรีสแลนด์คัมพิน่า มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาคุณภาพน้ำนมดิบและโคนม ผ่านการจัดอบรมเกษตรกรโคนม โดยเป็นการถ่ายทอดภูมิความรู้และประบการณ์การเลี้ยงโคนมจากเกษตรกรโคนมชาวเนเธอร์แลนด์ สู่เกษตรกรโคนมชาวไทย
โครงการเริ่ม :พ.ศ. 2556 และจะดำเนินการต่อ ซึ่งมีฟาร์มในโครงการ: 5000 ฟาร์ม ซึ่งนมที่ได้จากโครงการพัฒนาโคนมนี้มีคุณภาพดีขึ้น โดยวัดจาก การมีอัตราการปนเปื้อนจุลินทรีย์ต่ำมากเฉลี่ย 40,000 โคโลนีต่อมิลลิลิตร ซึ่งอยู่ในมาตรฐานเดียวกับเกษตรกรเนเธอร์แลนด์คือไม่เกิน 100,000 โคโลนีต่อมิลลิลิตร นี้แสดงว่าวัวมีสุขภาพที่ดีขึ้นสามารถผลิตนมที่มีคุณภาพ เกษตรกรสามารถขายนมได้ในราคาที่ดีขึ้น ซึ่งโฟร์โมสต์รับซื้อนมดิบ 100 ล้านกิโลกรัมต่อปี จากฟาร์มที่เข้าร่วมโครงการนี้

ทั้งนี้ในปี2556 จากข้อมูลของ Compass Productionsand Packages แสดงถึงการบริโภคผลิตภัณฑ์นมชนิดต่างๆ ของประชากรโลก โดยมีค่าเฉลี่ยทั้งโลกอยู่ที่ 32.5 ลิตรต่อคนต่อปีประเทศไทยติดอันดับที่ 68 ของโลกที่บริโภคนมและผลิตภัณฑ์นมโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 33 ลิตรต่อคนต่อปี จะเห็นว่าการบริโภคนมและผลิตภัณฑ์นมของไทยอยู่ใกล้ค่าเฉลี่ยการดื่มนมและผลิตภัณฑ์นมของโลกแต่หากมองในกลุ่มประเทศอาเซียน การบริโภคผลิตภัณฑ์นมไทยอยู่อันดับ 3 รองจากมาเลเซีย และสิงคโปร์ส่วนประเทศจีนค่าเฉลี่ยการดื่มนมและผลิตภัณฑ์นมอยู่ที่26 ลิตรต่อคนต่อปี ซึ่งยังน้อยกว่าไทย เนื่องจากจีนมีขนาดประชากรสูงว่า 1,000 ล้านคนเช่นเดียวกับประเทศอินเดีย



กำลังโหลดความคิดเห็น