“กรมชลประทาน” เร่งมือก่อสร้างอ่างเก็บน้ำคลองพระสะทึงแล้วเสร็จเร็วกว่ากำหนด 1 ปี เผยใช้ประโยชน์กักเก็บน้ำตั้งแต่ฤดูฝนปี 2558 จำนวน 61 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 95% ของความจุอ่าง 65 ล้านลูกบาศก์เมตร ช่วยพื้นที่เมืองสระแก้ว และกบินทร์บุรี รอดพ้นภัยน้ำท่วม ขณะเดียวกัน ส่งน้ำ 43 ล้าน ช่วยบรรเทาภัยแล้งและไล่น้ำเค็มในฤดูแล้งที่ผ่านมา ส่วนระบบส่งน้ำจะเสร็จใน 4 ปีข้างหน้า
นายประพิศ จันทร์มา ผู้อำนวยการกองพัฒนาแหล่งน้ำขนาดกลาง กรมชลประทาน เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการอ่างเก็บน้ำคลองพระสะทึง จ.สระแก้ว ว่าขณะนี้การก่อสร้างอ่างเก็บน้ำคืบหน้ามาก คาดหมายว่าจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ภายในปีงบประมาณ 2559 เร็วกว่าเป้าหมายเดิม 1 ปี หลังจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรสภาพน้ำท่วมโรงเรียนกาสรกสิวิทย์ อ.เมือง จ.สระแก้ว เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2557 และพระราชทานพระราชดำริให้เร่งรัดการก่อสร้างให้เก็บน้ำในฤดูฝน 2558
“กรมชลประทานได้ปรับแผนงานก่อสร้างให้เร็วขึ้นจนสามารถเก็บกักน้ำในฤดูฝน 2558 ได้ถึง 60 ล้านลูกบาศก์เมตร จากความจุอ่างเก็บน้ำ 65 ล้านลูกบาศก์เมตร ช่วยให้พื้นที่ อ.เมือง จ.สระแก้ว และ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี รอดพ้นจากอุทกภัย ซึ่งเกิดขึ้นเป็นประจำแทบทุกปี”
นอกจากนั้น ในฤดูแล้งที่ผ่านมาอ่างเก็บน้ำคลองพระสะทึงยังส่งน้ำลงไปบรรเทาภัยแล้ง และช่วยสนับสนุนอ่างเก็บน้ำพระปรง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในการไล่น้ำเค็มในลุ่มน้ำปราจีนบุรีอีกแรงหนึ่งด้วย
“ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมกราคมจนถึงพฤษภาคม ได้ระบายน้ำลงไปสนับสนุนเฉลี่ยวันละ 3 แสนลูกบาศก์เมตร รวมๆ แล้วประมาณ 43 ล้านลูกบาศก์เมตร ปัจจุบันเหลือน้ำในอ่างฯ ประมาณ 17 ล้านลูกบาศก์เมตร ถือว่าเกิดประโยชน์อย่างมาก” นายประพิศกล่าว
นายประพิศกล่าวอีกว่า ปริมาณน้ำท่าในลุ่มน้ำคลองพระสะทึงเฉลี่ยประมาณ 200 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี หากสภาพฝนเป็นไปตามปกติ โอกาสที่จะกักเก็บน้ำได้เต็มอ่างมีสูงมาก ซึ่งจะเกิดประโยชน์และเกิดประสิทธิภาพในการบรรเทาอุทกภัย และภัยแล้ง
ส่วนระบบชลประทาน ได้แก่ คลองสายใหญ่ สายซอย ความยาวรวมกว่า 150 กิโลเมตรนั้นจะดำเนินการก่อสร้างในปี 2560 คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2563 ซึ่งจะเกิดพื้นที่ชลประทานเพิ่มขึ้น 40,640 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ 4 ตำบล 3 อำเภอ ได้แก่ ต.พระเพลิง อ.เขาฉกรรจ์ ต.ทุ่งมหาเจริญ ต.ตาหลังใน อ.วังน้ำเย็น และ ต.วังใหม่ อ.วังสมบูรณ์