“กกร.” ออกโรงจี้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาคดีภาษีอากรที่ศาลฎีกาพิพากษา “มินิแบ” แพ้คดีวิธีการคำนวณที่ยึดหลักการบีโอไอ แต่ศาลฯ ให้ยึดตามกรมสรรพากร หวั่นกระทบเชื่อมั่นการลงทุนทั้งรายเดิมและรายใหม่ จับตาโดมิโน่บริษัทอื่นๆ ที่เข้าข่ายหากยึดแนวทางคำตัดสินจะต้องโดนภาษีฯ ย้อนหลังอีกเพียบ
นายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เปิเผยหลังประชุมเมื่อวันที่ 7 มิ.ย.ว่า กกร.เตรียมที่จะเสนอให้รัฐบาลให้เร่งแก้ไขกรณีที่ศาลฎีกาได้ตัดสินคดีภาษีอากรกรณีที่บริษัทได้รับส่งเสริมการลงทุนจะต้องคำนวณภาษีตามแนวทางของกรมสรรพากร คือ ให้นำผลกำไรขาดทุนของทุกโครงการในปีภาษีเดียวกันมาหักลบกลบกันก่อน (Net บัตร) แต่นักลงทุนส่วนใหญ่ต่างอิงกับกฎหมายสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ที่คำนวณกำไรขาดทุนสุทธิเป็นรายโครงการโดยไม่นำผลกำไรและผลขาดทุนของแต่ละโครงการในรอบบัญชีเดียวกันมาหักลบกลบกัน (ไม่ Net บัตร) ซึ่งกรณีดังกล่าวทำให้นักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศเกิดความไม่เชื่อมั่นต่อนโยบายการส่งเสริมลงทุนของไทย
“ปัญหาที่เห็นต่างกันของบีโอไอ และกรมสรรพากร ทำให้นักลงทุนเกิดความไม่เชื่อมั่น เรื่องนี้ กกร.เห็นว่ารัฐจะต้องเร่งแก้โดยด่วน” นายปรีดิกล่าว
นายเจน นำชัยศิริ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า กกร.คงจะเสนอเรื่องนี้ให้รัฐบาลเร่งแก้ไขด่วนที่สุดโดยอาจจะเสนอต่อคณะกรรมการร่วมรัฐและเอกชน (กรอ.) เนื่องจากจะกระทบความเชื่อมั่นต่อการลงทุนเป็นวงกว้าง เพราะกรณีดังกล่าวเมื่อศาลฯ พิพากษาเพียงบริษัทเดียวก็ตาม แต่เมื่อพิจารณาผลคดีแล้ว มีแนวโน้มจะเป็นบรรทัดฐานให้บริษัทอื่นๆ ที่ดำเนินการเช่นเดียวกันต้องกลายเป็นผู้กระทำผิดไปด้วย โดยประเมินว่าจะมีบริษัทที่เข้าข่ายเป็นจำนวนมาก
รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 16 พ.ค. 2559 ศาลฎีกาพิพากษาให้บริษัท เอ็นเอ็มบี มินิแบ จำกัด หรือมินิแบ แพ้คดีความเกี่ยวกับการคำนวณกำไรขาดทุนสุทธิของบริษัทฯ ที่ได้รับส่งเริมการลงทุนมากกว่า 1 โครงการโดยศาลฯ กำหนดให้มินิแบต้องคำนวณภาษีแบบ Net บัตร โดยให้เหตุผลว่า พ.ร.บ.ส่งเสริมการลงทุนของบีโอไอไม่ใช่ข้อยกเว้นของประมวลรัษฎากร