ผู้จัดการรายวัน 360 - “โยคะ แอนด์ มี” เผยเทรนด์คนไทยรักสุขภาพยังมาแรงต่อเนื่อง ส่งผลตลาดมีแนวโน้มสดใส หลังพบข้อมูลมีคนไทยที่เป็นสมาชิกฟิตเนสเพียง 2% จากประชากรทั้งหมด เผยปี 58 ผลประกอบการเติบโตถึง 15% หลังขยายสาขาครบ 4 แห่ง เล็งปี 59 เพิ่มอีก 2 สาขาย่านบางนา-สุขุมวิท พร้อมเปิดสอนโยคะออนไลน์ให้เข้าถึงคนไทยทุกเพศ ทุกวัย ทุกอาชีพ หวังเติบโตขึ้น 8-10%
นายพงศ์พิพัฒน์ เกียรติประพิณ ผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท โยคะ แอนด์ มี จำกัด ผู้ให้บริการศูนย์ออกกำลังกายแบบครบวงจรทั้งโยคะ, พิลาทิส และอุปกรณ์ออกกำลังกายต่างๆ ภายใต้ชื่อ “โยคะ แอนด์ มี” เปิดเผยว่า จากพฤติกรรมของคนไทยที่หันมาให้ความสำคัญในเรื่องการออกกำลังกายอย่างจริงจังมากขึ้น จึงทำให้ธุรกิจสถานบริการออกกำลังกายในรูปแบบต่างๆ มีการเติบโตมากขึ้น
ในปี 2558 “โยคะ แอนด์ มี” มีผลประกอบการเติบโตขึ้นประมาณ 15% เนื่องจากขยายสาขาเพิ่ม 2 สาขา ทำให้ปัจจุบันมีทั้งสิ้น 4 สาขา คือ คริสตัล ดีไซน์ เซ็นเตอร์, เดอะวอล์ค เกษตร-นวมินทร์, เดอะวอล์ค ราชพฤกษ์, และลาวิลล่า อารีย์ โดยมีสมาชิกส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง 85% และผู้ชาย 15% แบ่งเป็นกลุ่มผู้มีอายุ 26-35 ปี 30% อายุ 35-50 ปี 45% และอายุ 50 ปีขึ้นไป 25% โดยมีคลาสให้สมาชิกเลือกฝึกได้มากกว่า 500 คลาสต่อสัปดาห์
สำหรับปี 2559 คาดว่าจะมีอัตราเติบโตสูงขึ้นประมาณ 8-10% เนื่องจากจะมีการขยายสาขาเพิ่มอีก 2 สาขา เน้นทำเลธุรกิจย่านบางนาและสุขุมวิท ทั้งยังเตรียมแผนงานที่จะเปิดสาขาที่ประเทศอังกฤษด้วย เพราะเห็นแนวโน้มตลาดที่ยังมีโอกาสขยายตัวได้อีกมาก จากข้อมูลที่ระบุว่าปัจจุบันมีคนไทยที่เป็นสมาชิกฟิตเนสเพียง 2% ของจำนวนประชากรทั้งหมด
นายพงศ์พิพัฒน์กล่าวด้วยว่า การมียอดการเติบโตของธุรกิจสถานออกกำลังกายสูงขึ้นในขณะที่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ทำให้ทราบว่าผู้บริโภคให้ความสำคัญในเรื่องการออกกำลังกายมากขึ้น ประกอบกับ “โยคะ แอนด์ มี” มีปัจจัยเสริมต่างๆ อาทิ อุปกรณ์การออกกำลังกายนำเข้าจากต่างประเทศ เช่น “ไจโลโทนิค” และ “วีทูแมค” (V2MAX) ซึ่งมีที่นี่เพียงแห่งเดียวในประเทศไทย รวมทั้งเทรนเนอร์ที่ได้รับการอบรมมาอย่างดีจากต่างประเทศ ทำให้ลูกค้าที่มาใช้บริการมีการบอกต่อแบบปากต่อปาก
ในปี 2559 บริษัทฯ มีแนวความคิดให้คนรุ่นใหม่ได้เข้าถึงโยคะได้ง่ายขี้น โดยเฉพาะกลุ่มคนวัยทำงานที่มักจะประสบปัญหาในการเผชิญกับโรคออฟฟิศซินโดรมซึ่งเกิดจากการนั่งทำงานนานๆ แล้วไม่ได้ขยับร่างกาย “โยคะ แอนด์ มี” จึงมีกลยุทธ์ในการเข้าถึงกลุ่มคนเหล่านี้ผ่านสื่อออนไลน์และสมาร์ทโฟนแบบง่ายๆ ด้วยการจัดทำคลิปวิดีโอสอนโยคะสั้นๆ เผยแพร่ผ่านยูทิวบ์ เพื่อหวังให้คนได้เข้าถึงโยคะได้ทุกที่ทุกเวลา โดยสามารถทำได้ทั้งที่บ้านและที่ทำงาน
“คลิปวิดีโอสอนโยคะต่างๆ ที่จะจัดทำขึ้นเป็นการฝึกทำได้ง่ายๆ และไม่มีอันตราย แบ่งประเภทตามกลุ่มคนอายุต่างๆ เพราะเราตระหนักดีว่าร่างกายของคนเราเปลี่ยนแปลงไปตามอายุ อีกทั้งอาชีพที่ต่างกันก็ทำให้การออกกำลังกายของแต่ละบุคคลย่อมไม่เหมือนกัน โดยในปีนี้เรายังจะเพิ่มบริการสอบถามและแนะนำลูกค้าว่าควรออกกำลังกายแบบไหนให้เหมาะสมและได้ผลชัดเจน ตลอดจนแก้ปัญหาต่างๆ ได้ตรงจุด”
นายพงศ์พิพัฒน์กล่าวอีกว่า “โยคะ แอนด์ มี” ยังเตรียมเพิ่มคลาสใหม่ๆ ให้ลูกค้าได้มีประสบการณ์ที่หลากหลายในแต่ละเดือน พร้อมทั้งพยายามหาเทรนด์การออกกำลังกายใหม่ๆ ที่ได้ผลชัดเจนมาให้คนไทยได้สัมผัส เช่น เครื่องไจโลโทนิคที่เปิดให้บริการมาได้ 3 ปีแล้ว รวมถึงการนำเข้าเครื่อง V2Max เมื่อปี 2558 ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมาก นอกจากนั้นยังมีนโยบายส่งเสริมให้ครูผู้ฝึกสอนทั้ง 40 ท่านได้พัฒนาตัวเองในการหาความรู้ต่างๆ ด้วยการส่งเสริมให้ไปเรียนเพิ่มเติมยังต่างประเทศ หรือซื้อคอร์สครูผู้มีชื่อเสียงจากทั่วโลกมาเผยแพร่ความรู้ให้ครูของ “โยคะ แอนด์ มี” ทุกๆ 3 เดือน
“จุดเด่นของ โยคะ แอนด์ มี คือการคำนึงถึงความสะดวกสบายของสมาชิกเป็นหลัก ทั้งยังเพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกทุกอย่าง โดยชำระค่าสมาชิกเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ทั้งยังมีส่วนลดพิเศษให้พนักงานของบริษัทพันธมิตรชั้นนำต่างๆ ในการจัดเวิร์กชอป หรือการจัดอบรมการออกกำลังกายด้วยท่าโยคะง่ายๆ” นายพงศ์พิพัฒน์กล่าวในที่สุด