ธพ.ร่อนหนังสือจี้ปั๊มน้ำมัน-ก๊าซคุมใช้มือถือ ดับเครื่องป้องกันอันตราย

กรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) ส่งหนังสือเวียนถึงปั๊มบริการเชื้อเพลิงทั้งก๊าซและน้ำมันคุมการใช้มือถือและดับเครื่องยนต์ ห้ามสูบบุหรี่ระหว่างใช้บริการเพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายที่กำหนดหลังเริ่มหละหลวม พร้อมคลอดกฎหมายบังคับสถานประกอบการน้ำมันเชื้อเพลิงทุกประเภทต้องส่งพนักงานเข้าอบรมมาตรฐานปลอดภัย โดยเฉพาะส่วนของน้ำมันที่กฎหมายยังไม่ได้ครอบคลุม มีผลบังคับ 29 พ.ค.นี้

นายวิฑูรย์ กุลเจริญวิรัตน์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) เปิดเผยว่า กรมฯ มีหนังสือเตือนไปยังผู้ประกอบการให้บริการเชื้อเพลิงโดยเฉพาะปั๊มน้ำมันให้ปฏิบัติตามกฎหมายห้ามก่อประกายไฟที่บังคับให้สถานประกอบการต้องมีป้ายเตือนในการปฏิบัติตนเพื่อความปลอดภัยซึ่งอยู่ในหมวดป้องกันอัคคีภัย เพื่อป้องกันความปลอดภัยทั้งผู้ประกอบการและผู้บริโภค เนื่องจากระยะหลังมานี้เริ่มพบการปฏิบัติตนในปั๊มทั้งผู้ให้บริการและผู้ใช้บริการสุ่มเสี่ยงต่ออันตราย

“ข้อควรปฏิบัติด้านความปลอดภัยโดยเฉพาะน้ำมัน เช่น ควรดับเครื่องระหว่างเติมน้ำมัน ปิดโทรศัพท์ขณะใช้บริการ ห้ามสูบบุหรี่ เป็นต้น เพราะเป็นความเสี่ยงทั้งผู้ให้บริการและผู้บริโภค ดังนั้นหากพบว่าผู้ใช้บริการไม่ปฏิบัติควรจะงดบริการด้วย เพราะที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่ามีการละเลยในสิ่งนี้จนเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง และล่าสุดก็เกิดคลิปที่ส่งต่อกันในเรื่องเด็กปั๊มใช้โทรศัพท์ในปั๊มและเกิดประกายไฟกับรถจักรยานยนต์ที่เข้ามาเติมน้ำมัน” นายวิฑูรย์กล่าว

นอกจากนี้ กรมฯ เตรียมออกกฎหมายเกี่ยวกับผู้ปฏิบัติงานในสถานประกอบการน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งขณะนี้ได้ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาแล้วและจะมีผลบังคับใช้วันที่ 29 พฤษภาคมนี้ โดยกฎหมายดังกล่าวจะบังคับให้ผู้ประกอบการน้ำมันเชื้อเพลิงทุกประเภทต้องส่งพนักงานเข้าอบรมมาตรฐานปลอดภัยภายใน 2 ปีนับตั้งแต่มีผลบังคับใช้ หรือภายใน พ.ค. 61 หากพ้นกำหนดจะมีโทษตามกฎหมายมาตรา 66 จำคุกไม่เกิน 1 ปี และปรับเงินไม่เกิน 100,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

“กฎหมายที่ออกมาครั้งนี้จะครอบคลุมประเภทกิจการน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งเดิมกฎหมายยังครอบคลุมเพียงธุรกิจก๊าซปิโตรเลียม และก๊าซธรรมชาติบางส่วนเท่านั้น ส่วนที่เพิ่มเติมในกฎหมายฉบับนี้คือธุรกิจน้ำมันและธุรกิจก๊าซธรรมชาติส่วนที่ยังไม่ครอบคลุม ซึ่งภาพรวมจะทำให้ปั๊มแอลพีจี น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ NGV ร้านจำหน่าย คลัง รถขนส่ง ท่อจะต้องมีการส่งพนักงานมาอบรมมาตรฐานปลอดภัยทั้งหมดเพื่อที่จะให้มาตรฐานความปลอดภัยตั้งแต่การจัดเก็บ การขนส่ง และการให้บริการผู้บริโภค” นายวิฑูรย์กล่าว

ทั้งนี้ ได้ให้เวลาผู้ประกอบการน้ำมันเชื้อเพลิงที่ได้รับใบอนุญาตส่งพนักงานมาฝึกอบรมด้านมาตรฐาน 2 ปี เพราะประเมินเบื้องต้นผู้ที่ผ่านคุณสมบัติตามประเภทของกิจการที่ระบุไว้ตามกฎหมายรวม 23 กิจการจะมีจำนวนสถานประกอบการทั่วประเทศที่ต้องมีผู้ปฏิบัติงานรวมกว่า 38,000 แห่ง คาดว่าจะมีผู้ปฏิบัติงานที่ต้องเข้ารับการอบรมกว่า 100,000 คน โดยคนที่เป็นผู้ฝึกอบรม วิทยากรต้องมีคุณสมบัติตามที่กำหนดและต้องได้ใบรับรองจากกรมธุรกิจพลังงาน

“เดิมกฎหมายนี้จะใช้กับแอลพีจีไปแล้วส่วนใหญ่ ยกเว้นน้ำมันที่ยังไม่ครอบคลุมกฎหมายนี้ก็จะเขียนให้ครอบคลุมทั้งหมด และหาก 2 ปีแล้วพบว่าไม่มีผู้ที่ผ่านมาฝึกอบรมในสถานประกอบการที่กำหนดจะมีโทษตามกฎหมายมาตรา 66 จำคุกไม่เกิน 1 ปี และปรับเงินไม่เกิน 100,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ และเมื่อถึงวาระการต่ออายุใบอนุญาตจะไม่ได้รับการต่อใบอนุญาตให้ โดยการอบรมจะให้ใบอนุญาตครั้งละ 5 ปี” นายวิฑูรย์กล่าว