ผู้จัดการรายวัน 360 - เครื่องกรองน้ำไฮเอนด์ขายยาก “เธียรสุรัตน์” เปิดเกมลุยสู่ทศวรรษที่ 5 ทุ่ม 250 ล้านบาทรับแผน 3-5 ปีเพิ่มกำลังหลังบ้าน เพิ่มกำลังการผลิต ขยายสาขาเพิ่ม ตีตลาดเออีซี แตกไลน์ธุรกิจไฟแนนซ์ รับธุรกิจแบบครบวงจร หวังรายได้โต 30% ต่อเนื่อง มั่นใจสิ้นปีรายได้ทะลุ 2,000 ล้านบาท โต 30%
นายวิรัช วงศ์นิรันดร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เธียรสุรัตน์ จำกัด (มหาชน) (TSR) ผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายเครื่องกรองน้ำภายใต้แบรนด์ “SAFE” เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทเข้าสู่ปีที่ 40 ในการดำเนินธุรกิจขายตรงเครื่องกรองน้ำ แบรนด์ SAFE โดยในปีนี้บริษัทมีแผนการดำเนินงานเพื่อก้าวสู่ทศวรรษที่ 5 ภายใต้แผน 3-5 ปีด้วยงบกว่า 250 ล้านบาท เฉลี่ยปีละ 50 ล้านบาท ซึ่งได้เริ่มดำเนินการไปแล้วบางส่วน
เบื้องต้นในปีนี้บริษัทมีแผนการดำเนินธุรกิจใน 3 เรื่องหลัก คือ 1. รุกตลาดเออีซี โดยได้ใช้งบกว่า 40 ล้านบาทสำหรับเพิ่มโรงงานหลังใหม่ในพื้นที่โรงงานเดิมที่มีโรงงานอยู่แล้ว 4 หลัง โรงงานใหม่เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นอีก 10,000 เครื่องต่อเดือน ซึ่งขณะนี้กำลังก่อสร้างอยู่ ปลายปีน่าจะเริ่มการผลิตได้ เพื่อรองรับกำลังซื้อทั้งในประเทศและเออีซี จากปัจจุบันทั้ง 4 โรงงานมีกำลังการผลิตที่ 30,000 เครื่องต่อเดือน หรือคิดเป็น 70% ของกำลังการผลิตแบบเต็มกำลัง
2. จัดตั้งบริษัทใหม่ ด้วยทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณารายละเอียดต่างๆ คาดไตรมาสสามนี้จะเห็นความคืบหน้า ซึ่งบริษัทใหม่นี้เป็นการขยายธุรกิจไปสู่ธุรกิจการปล่อยสินเชื่อ Micro Finance และ Nano Finance สำหรับลูกค้าเดิมที่มีฐานสมาชิกกว่า 4 แสนราย และ 3. การขยายสาขาทั้งปีอีก 5-7 สาขา ลงทุนสาขาละ 1 ล้านบาท จากปัจจุบันมีสาขารวม 17 แห่ง และมีศูนย์บริการ 5 แห่ง โดยในไตรมาสหนึ่งมีการเปิดสาขาและปรับปรุงสาขาเดิม 4 แห่ง
“ทั้ง 3 ส่วนนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการดำเนินงานในอนาคต ที่วางไว้ว่าภายใน 10 ปีจะเข้าสู่ตลาดเออีซีครบทุกประเทศ เริ่มจากลาวในปีนี้ ด้วยการร่วมทุนตั้งบริษัท TSRลาว ในประเทศลาว ร่วมกับนักธุรกิจไทยที่ทำธุรกิจในลาว ด้วยทุนจดทะเบียน 17 ล้านบาท ทางเราถือหุ้น 49% ในการนำเครื่องกรองน้ำและเครื่องทำน้ำอุ่นเข้าไปจำหน่าย ส่วนประเทศต่อไปที่มองไว้ คือ เวียดนาม ส่วนการลงทุนยังไม่ได้สรุป
ขณะเดียวกันยังมีการลงทุนด้านเทคโนโลยีและกำลังคน โดยเฉพาะในส่วนของช่องทางขายแบบเทเลเซล ปีก่อนมี 100 คน ปีนี้จะเพิ่มเป็น 150 คน ใน 3-5 ปีจะเพิ่มเป็น 300 คน รวมถึงการขยายสาขาและช่องทางจำหน่ายที่จะมองหาเพิ่ม ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มตัวแทนจำหน่ายใหม่ จากปัจจุบันมี 2 รายใหญ่ในระยองและขอนแก่น รวมถึงช่องทางขายผ่านโครงการต่างๆ จากปกติขายตรงสู่กลุ่มโฮมยูสเป็นหลัก”
นายวิรัชกล่าวต่อว่า ปัจจุบันรูปแบบการขายของบริษัทมีอยู่ 2 ส่วนหลัก คือ 1. ช่องทางขายตรง ภายใต้พนักงานขายกว่า 100 คน สำหรับขายเครื่องกรองน้ำ SAFE และเครื่องทำน้ำอุ่น SAFE อิเลกทริก และ 2. เทเลเซล สำหรับขายสินค้าในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าและสินค้าที่เป็นตัวแทนจำหน่ายให้แบรนด์ต่างๆ เช่น เครื่องปรับอากาศเฟดเดอร์ ที่ทางบริษัทเข้าไปถือหุ้น 59% จากทางเฟดเดอร์ไทย, แอร์ไดกิ้น, ตู้เย็นโตชิบา, ทีวีโตชิบา และเครื่องซักผ้าแอลจี เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการจำหน่ายเครื่องกรองน้ำและเครื่องทำน้ำอุ่นผ่านโฮมโปรและดูโฮมอีกบางส่วน
ทั้งนี้ มองว่าตลาดเครื่องกรองน้ำเป็นตลาดที่มีศักยภาพและมีการแข่งขันสูง ต่อปีมีผู้เล่นและแบรนด์ใหม่ๆ เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในระดับราคาไม่ถึง 1,000 บาทไปจนถึงหลักหมื่นบาทขึ้นไป โดยในต่างจังหวัดเป็นตลาดที่เติบโตดีมาก
อย่างไรก็ตาม จากสภาพเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดี พบว่าสินค้าราคาสูงอาจจะขายยากขึ้น ส่งผลให้ในปีนี้ทางบริษัทได้นำเครื่องกรองน้ำราคา 8,500 บาทเข้ามาทำตลาดอีกครั้ง และอีก 1 รุ่นในราคา 5,500 บาท จากปีก่อนเน้นจำหน่ายเพียง 1 รุ่นในราคา 16,900 บาท ระบบ RO และ UV เชื่อว่าจะสามารถทำให้ยอดขายยังคงเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 30% หรือในสิ้นปีมองว่าจะมีรายได้รวมไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท โดยกว่า 80% มาจากการขายสินค้าหลักของบริษัท 10% มาจาก OEM ให้กับแบรนด์อื่น และอีกเล็กน้อยจากการขายให้กับแบรนด์อื่นๆ
ขณะที่ 3-5 ปีหลังจากนี้มั่นใจว่าต่อปีจะมีการเติบโต 30% ต่อเนื่อง หรือใน 5 ปีหลังจากนี้มั่นใจว่าจะมีรายได้ร่วม 5,000 ล้านบาทได้