ผู้จัดการรายวัน 360 - เผยตลาดเครื่องปรุงรสอาหารขยายตัวเฉลี่ย 4.6% มูลค่ารวมสูงกว่า 3.3 หมื่นล้านบาท เหตุผู้ผลิตมีการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้หลากหลายมากขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการความแปลกใหม่ และสะดวกรวดเร็ว ขณะที่ตลาดต่างประเทศเริ่มมีความต้องการสูงขึ้นจากความนิยมอาหารไทย กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ มั่นใจงาน THAIFEX 2016 ช่วยผลักดันตลาดเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด
นางมาลี โชคล้ำเลิศ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันกระแสความนิยมบริโภคเครื่องปรุงรสอาหารในประเทศไทยมีเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยในปี 2558 มีมูลค่าการตลาดสูงถึง 3.34 หมื่นล้านบาท คิดเป็นอัตราการขยายตัวเฉลี่ย 4.6% ขณะเดียวกันมูลค่าการส่งออกไปยังต่างประเทศก็เริ่มมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลมาจากคุณภาพของส่วนผสม และวัตถุดิบของสินค้าไทย รวมไปถึงการสนับสนุนจากมาตรการของรัฐบาล
ปัจจุบัน เครื่องปรุงรสอาหารของไทยที่ส่งออกไปจำหน่ายต่างประเทศไม่ได้จำกัดการจำหน่าย เฉพาะในร้านชำของคนไทย จีน และเวียดนามเท่านั้น แต่ยังขยายการจำหน่ายไปในห้างสรรพสินค้าชั้นนำของสหรัฐอเมริกา ซึ่งนับเป็นมิติใหม่ของสินค้าประเภทเครื่องปรุงรสอาหารที่ยกระดับจากเดิมจากการจำหน่ายในแวดวงคนเอเชีย ทำให้คาดว่าส่วนแบ่งตลาดเครื่องปรุงรสอาหารของไทยในต่างประเทศจะขยายตัวได้มากขึ้น
นางมาลี กล่าวอีกว่า กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศจึงยังคงเดินหน้า และมีนโยบายในการผลักดันการส่งออกสินค้าอาหารของไทย รวมทั้งธุรกิจบริการร้านอาหารให้ขยายตัวในตลาดโลกเพิ่มมากขึ้น และวางกลยุทธ์การตลาดสำหรับอุตสาหกรรมอาหารโดยมีเป้าหมายสู่การเป็น “ครัวของโลก” (Thailand -Kitchen of the World) โดยแนวทางหนึ่งคือ การจัดงานแสดงสินค้าและนิทรรศการต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดำเนินการจัดงาน THAIFEX-World of Food Asia 2016 ด้วยความร่วมมือระหว่างกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ร่วมกับหอการค้าไทย และโคโลญเมสเซ ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์หนึ่งที่จะช่วยยกระดับสร้างการยอมรับในสินค้าอาหาร และธุรกิจบริการอาหารไทย รวมทั้งขยายฐานการส่งออกสินค้า และบริการอาหารไทยสู่ตลาดโลก
สำหรับการจัดงาน THAIFEX-World of Food ASIA 2016 จะจัดขึ้น ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพค เมืองทองธานี บนพื้นที่กว่า 8 หมื่นตารางเมตร มีผู้ประกอบการจากทั่วโลกกว่า 1.9 พันรายเข้าร่วมงาน โดยกำหนดให้มีวันเจรจาธุรกิจระหว่างวันที่ 25-27 พฤษภาคม 2559 เวลา 10.00-18.00 น. และวันจำหน่ายปลีกระหว่างวันที่ 28-29 พฤษภาคม 2559 เวลา 10.00-20.00 น. ผู้สนใจสามารถติดตามข้อมูลได้ทางเว็บไซต์ www.ditp.go.th และ www.thaitradefair.com หรือสายด่วนการค้าระหว่างประเทศ 1169
ด้าน นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา นายกสมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป กล่าวว่า เครื่องปรุงรสอาหารนับเป็นหนึ่งในสินค้าอุตสาหกรรมเกษตรที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทั้งตลาดในประเทศ และตลาดส่งออก โดยในส่วนของตลาดในประเทศมีการเติบโตจากปัจจัยหนุนหลากหลายประการ โดยเฉพาะการที่คนไทยหันมานิยมสิ่งปรุงรสหลากหลายประเภทมากขึ้น จากเดิมที่นิยมบริโภคน้ำปลา และซอสถั่วเหลืองเท่านั้น รวมถึงพฤติกรรมด้านความต้องการเรื่องความสะดวกรวดเร็วในการปรุงรสอาหาร ทำให้ผู้ประกอบการในธุรกิจผลิตภัณฑ์เครื่องปรุงรสอาหารมีการวิจัย และพัฒนาเครื่องปรุงรสอาหารให้มีความหลากหลายมากขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค
ส่วนตลาดส่งออกที่มีแนวโน้มขยายตัวเป็นเพราะการที่ร้านอาหารไทยในต่างประเทศมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จนทำให้เป็นที่นิยมในต่างประเทศ จนทำให้มีผลิตภัณฑ์เครื่องปรุงรสอาหารของไทยเข้าไปวางจำหน่ายตามซูเปอร์มาร์เกตขนาดใหญ่มากขึ้นเพื่อสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการซื้อไปเพื่อปรุงอาหารไทยรับประทานที่บ้าน
“ปัจจัยสำคัญอีกส่วนหนึ่งคือ การทำอาหารจากสื่อออนไลน์กำลังได้รับความนิยมมากขึ้น จากเดิมที่อาศัยการดูและเรียนรู้จากสื่อโทรทัศน์เป็นส่วนใหญ่ จึงนับเป็นอีกโอกาสหนึ่งที่ทำให้เครื่องปรุงรสอาหารต่างๆ กลายเป็นที่รู้จักในวงกว้างนอกจากกลุ่มแม่บ้าน ส่งผลให้ชาวต่างประเทศเริ่มรู้จักอาหารไทยมากขึ้น ทั้งยังเริ่มสนใจอยากทดลองทำโดยการซื้อเครื่องปรุงรสอาหารสำเร็จรูปประเภท Ready to cook ซึ่งนอกจากจะปรุงได้อย่างสะดวกสบายแล้ว ยังได้รสชาติที่ถูกต้องตามแบบฉบับของต้นตำรับอีกด้วย”
นายวิศิษฐ์ กล่าวด้วยว่า การจัดงาน THAIFEX ถือเป็นงานหนึ่งที่จัดขึ้นภายใต้นโยบายการส่งเสริมการส่งออกสินค้าอาหารไทยที่ประสบความสำเร็จอย่างชัดเจน ทั้งยังทำให้ประชาชนในประเทศได้รับทราบถึงศักยภาพของภาคอุตสาหกรรมอาหาร รวมถึงเห็นเทคโนโลยีในภาคการผลิต ตลอดจนนวัตกรรมอาหารที่นำเสนอภายในงานทั้งจากของผู้ผลิตไทย และต่างประเทศ
“นอกจากผู้เข้าชมงานจะมีโอกาสได้บริโภคสินค้าคุณภาพมาตรฐานส่งออกแล้ว ผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลาง และเล็กของไทย ตลอดจนผู้ที่สนใจทั่วไป และคิดจะดำเนินธุรกิจในวงการอาหารยังจะมีโอกาสได้เห็นความก้าวหน้าของอุตสาหกรรมอาหารซึ่งถือเป็นการช่วยต่อยอดแนวคิดการพัฒนาธุรกิจ และการสร้างมูลค่าเพิ่มแก่สินค้า และบริการที่เกี่ยวข้องได้เป็นอย่างดี ทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งในมาตรการส่งเสริมผู้ประกอบการไทยให้ผลิตสินค้าที่อยู่ในกระแสความต้องการของตลาดโลกอีกด้วย”