ผู้จัดการรายวัน 360 - โซเชียลความงามมาแรง “อินฟินิตี้ พลัส” จัดเต็มลุยสินค้าเพื่อเส้นผม ทุ่ม 40 ล้านบาท เปิดตัว “เรมิ แชมพูน้ำมันม้าฮอกไกโด” ตั้งเป้ากวาดรายได้ไม่ต่ำกว่า 140 ล้านบาทในสิ้นปี
น.ส.อดิษฐา เจียมปรีชา กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินฟินิตี้พลัส เทรดดิ้ง จำกัด เปิดเผยว่า กระแสโซเชียลความงามเติบโตสูงมากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาจนมีผลให้ผู้หญิงเรียนเริ่มรู้ในการดูแลตัวเองแบบครบสูตร บริษัทฯ จุงเล็งเห็นโอกาสในการรุกตลาดความงามเมื่อปีที่ผ่านมากับผลิตภัณฑ์แรกคือ เครื่องม้วนผมภายใต้แบรนด์ “เรมิ” ผ่านช่องทางออนไลน์และการตั้งบูทแนะนำสินค้าจนพบว่าผู้หญิงไทยมีปัญหาเส้นผมมากขึ้น
ในปีนี้บริษัทฯ จึงพร้อมใช้งบลงทุนอีก 40 ล้านบาท แบ่งเป็นด้านการผลิต 20 ล้านบาทในการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่ 2 ออกมาคือ “เรมิ แชมพูน้ำมันม้าฮอกไกโด” ซึ่งมีส่วนหลักเป็นน้ำมันม้าฮอกไกโดและเพิ่มสมุนไพร 7 ชนิด แก้ปัญหาผม 7 ประการ ราคาจำหน่ายเซทละ 690 บาท เริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่ 1 มี.ค.ที่ผ่านมา
ส่วนด้านการตลาดใช้งบอีก 20 ล้านบาทเน้นสร้างการรับรู้และการขายผ่านช่องทางออนไลน์ นิตยสาร รายการโทรทัศน์ และอื่นๆ พร้อมมุ่งหาตัวแทนจำหน่ายเป็นหลัก ทั้งรายเล็กรายใหญ่ทั่วไทยและประเทศในแถบ AEC ตลอดจนหาพาร์ตเนอร์เพื่อเป็นศูนย์กระจายสินค้าในแต่ละภาคโดยตั้งเป้าภาคละ 1 ราย ทำให้ปัจจุบันมีเฉพาะตัวแทนจำหน่ายและบิวตี้รีเทลอย่าง “สตาร์ดัสท์” และ “บิวตี้มาร์เกต” รวมทั้งหมด 400 จุด หลังจากนั้นจะเริ่มเข้าโมเดิร์นเทรดตามห้างสรรพสินค้าทั่วไปในเฟสสองภายใน 5 ปี
“แนวทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ จะเน้นกลุ่มสินค้าความงามเกี่ยวกับเส้นผมเพื่อผู้หญิงเป็นหลัก โดยในปีนี้จะเน้นในส่วนของแชมพูน้ำมันม้าฮอกไกโดเป็นหลัก หลังจากนี้จะมีการออกสูตรใหม่ รวมถึงผลิตภัณฑ์อื่นๆ ตามมา เช่น โฟมเปลี่ยนสีผม และน้ำยาย้อมผมในช่วงไตรมาสสามนี้ด้วย มั่นใจว่าในสิ้นปีจะมีรายได้รวมทั้งหมดกว่า 130-140 ล้านบาท มาจากผลิตภัณฑ์แชมพูน้ำมันม้าฮอกไกโด 100 ล้านบาท ส่วนที่เหลือมาจากเครื่องม้วนผม และผลิตภัณฑ์อื่นๆ”
ปัจจุบันผลิตภัณฑ์แชมพูน้ำมันม้าส่วนใหญ่เป็นแบรนด์นำเข้าและมีราคาระดับ 1 พันบาทขึ้นไป ส่วนในประเทศญี่ปุ่นกลุ่มผลิตภัณฑ์นี้น่าจะมีส่วนแบ่งในตลาดราว 10% โดยส่วนใหญ่จะมีวางจำหน่ายในช่องทางออนเซนเป็นหลัก ส่วนในไทยนั้น “เรมิ” ถือเป็นแบรนด์ไทยแบรนด์แรกที่รุกในตลาดนี้ โดยวางตัวเองเป็นกลุ่มแชมพูเพื่อการซ่อมแซมและเพื่อความงาม นอกจากการจำหน่ายในไทยแล้วยังเตรียมขยายตลาดไปสู่ประเทศในกลุ่ม AEC ผ่านตัวแทนจำหน่ายและบล็อกเกอร์ในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น พม่าและลาวที่จะเริ่มในช่วงไตรมาสสามนี้เป็นต้นไป