ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เผยผลสำรวจค่าครองชีพ พบสินค้า 9 รายการราคาขยับขึ้นจริง แต่คนมีรายได้น้อยจะรู้สึกกระทบมาก เหตุรายรับไม่พอรายจ่าย แนะรัฐขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 5-7%
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวถึงผลสำรวจความเห็นประชาชนเรื่องค่าครองชีพไทยแพงจริงหรือ ในสถานการณ์ภัยแล้งและยุคเงินเฟ้อติดลบ ว่า ผลการสำรวจพบว่ามีสินค้า 9 ประเภท ที่ราคาปรับเพิ่มขึ้นจนกระทบต่อค่าครองชีพ ได้แก่ เนื้อหมูและไก่, ปลา, อาหารทะเล, ผลไม้, อาหารจานเดียวและอาหารตามสั่ง, ข้าวราดแกง, ก๋วยเตี๋ยว, ปัจจัยทางการเกษตร (ปุ๋ย, อาหารสัตว์, ยา และเคมีกำจัดศัตรูพืช), ค่าเทอมและค่ากวดวิชา
ทั้งนี้ ผลจากการที่สินค้าเหล่านี้มีราคาสูงขึ้นได้ส่งผลกระทบต่อกลุ่มอาชีพเกษตรกร, พนักงานบริษัท และลูกจ้างทั่วไป ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีรายได้น้อย โดยคนเหล่านี้ส่วนใหญ่มีรายได้ลดลงหรือเพิ่มขึ้นไม่มาก สวนทางกับรายจ่ายที่เพิ่มขึ้น และเมื่อรู้สึกว่ารายได้น้อย ก็จะมองว่าสินค้าส่วนใหญ่มีราคาแพงขึ้น ทั้งๆ ที่ภาพรวมสินค้าส่วนใหญ่ราคาคงเดิม โดยเฉพาะสินค้าอุปโภคบริโภค ยกเว้นสินค้าบางประเภทที่ราคาเพิ่มขึ้นตามฤดูกาล เช่น ผัก เนื้อสัตว์
สำหรับข้อเสนอต่อรัฐบาล ประชาชนต้องการให้รัฐบาลดูแลราคาสินค้าให้เหมาะสม และขอให้นายจ้างปรับขึ้นเงินเดือนและค่าจ้างอีก 5-7% โดยเฉพาะค่าจ้างขั้นต่ำจากวันละ 300 บาทเป็น 310 บาท เพื่อให้เหมาะสมกับค่าครองชีพในปัจจุบัน ขณะเดียวกัน ขอให้รัฐบาลเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะหากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้จะทำให้เศรษฐกิจไทยมีการฟื้นตัวช้า เนื่องจากประชาชนยังคงระมัดระวังการใช้จ่าย
ส่วนภาคการเกษตรกรรม เห็นว่ารัฐบาลควรเร่งผลักดันให้เกษตรกรมีรายได้เสริมจากนโยบายการส่งเสริมการจ้างงานตามตำบลต่างๆ ในโครงการตำบลละ 5 ล้านบาท
นอกจากนี้ ได้มีข้อเสนอสำหรับการจับจ่ายใช้สอยสินค้า โดยขอให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการซื้อสินค้าที่มีราคาสูงขึ้น โดยให้เน้นซื้อของเท่าที่จำเป็น หรือซื้ออย่างมีเหตุผล เน้นประหยัดมากขึ้น ใช้จ่ายน้อยลง โดยลดปริมาณ และเปลี่ยนสถานที่ในการซื้อสินค้าที่ถูกกว่า เป็นต้น
