“พีทีจี” ฟุ้งไตรมาส 1/59 กำไรพุ่ง หลังยอดขายน้ำมันเฉลี่ยต่อปั๊มสูงขึ้น ค่าการตลาดดี มั่นใจทั้งปี EBITDA โต 30-40% เผยศึกษาทำโรงไฟฟ้าขยะ 3-5เมกะวัตต์ หลังล้มแผนลงทุนโรงไฟฟ้าชีวมวล เตรียมออกหุ้นกู้เพิ่มเติมอีก 1.5 พันล้านบาทในไตรมาส 3 นี้
นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) (PTG) เปิดเผยว่าผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2559 ทั้งรายได้และกำไรเติบโตสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนมาก เนื่องจาก ม.ค.นี้ยอดขายน้ำมันเฉลี่ยต่อปั๊มเพิ่มขึ้นมาอยู่ใกล้ระดับ 2 แสนลิตร/ปั๊ม/เดือน จากปีก่อนอยู่ที่ 1.8 แสนลิตร/ปั๊ม/เดือน เป็นผลจากจำนวนสมาชิกบัตรแม็กซ์การ์ดที่เพิ่มขึ้นเกิน 4 ล้านสมาชิกแล้ว รวมทั้งค่าการคลาดยังสูงต่อเนื่องจากปลายปี 2558 อยู่ที่ 1.60-1.80 บาท/ลิตร
ทั้งนี้ จากราคาน้ำมันดิบที่เริ่มขยับสูงขึ้นมาอยู่ระดับ 38-40 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ยังไม่มีสัญญาณการใช้น้ำมันที่ลดลง ดังนั้น ในปีนี้บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายปีนี้โต 30-40% และมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) โตขึ้นกว่าปี 2558 กว่า 30% จากปีก่อน EBITDA อยู่ที่ 1,718 ล้านบาท เนื่องมาจากบริษัทได้มีการขยายปั๊มน้ำมันเพิ่มขึ้นเป็น 1,500 แห่งในปีนี้ จากปีก่อนอยู่ที่ 1,150 แห่ง และออกผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นในไตรมาส 2 นี้ ตั้งเป้าขายอยู่ที่ 1.2 ล้านลิตร รวมทั้งการรุกธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน (Non Oil) ทั้งร้านกาแฟ มินิมาร์ท พร้อมทั้งสนับสนุนให้ SME เข้ามาเปิดร้านอยู่ในปั๊มพีทีด้วย
โดยในปีนี้บริษัทฯ ตั้งงบลงทุนไว้ที่ 4.5 พันล้านบาท จะใช้ในการขยายปั๊มน้ำมันเพิ่มขึ้น ธุรกิจค้าปลีกและพลังงานทดแทน สำหรับแหล่งเงินทุนจะมาจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงานในการขยายปั๊มน้ำมัน ส่วนที่เหลือจะมาจากการกู้ยืมผ่านโครงการต่างๆ รวมทั้งมีแผนจะออกหุ้นกู้เพิ่มอีก 1.5 พันล้านบาทในไตรมาส 3/2559 เพื่อใช้ลงทุนโรงงานผลิตเอทานอล 2 แสนลิตร/วัน โดยจะเริ่มก่อสร้างต้นปี 2560 และผลิตเชิงพาณิชย์ในปี 2562 โดยเมื่อเร็วๆ นี้บริษัทได้ออกหุ้นกู้ 1.5 พันล้านบาทไปแล้ว
นายพิทักษ์กล่าวต่อไปว่า บริษัทฯ ตัดสินใจชะลอการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล 2 โรง โรงละ 9.9 เมกะวัตต์ หลังจากทำการตรวจสอบฐานะกิจการ และโครงสร้างทางการเงินแล้วไม่ใช่ แต่บริษัทได้เข้าไปศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนโรงไฟฟ้าขยะขนาด 3-5 เมกะวัตต์ทางภาคใต้ ขณะนี้อยู่ระหว่างการขอใบอนุญาตจากหน่วยงานรัฐ โดยบริษัทจะเข้าไปถือหุ้นใหญ่
“บริษัทฯ วางแผนสู่ทศวรรษที่ 4 จะเริ่มปี 2562-2571 โดยจะขยายธุรกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจน้ำมันเพิ่มเติม รวมไปถึงธุรกิจด้านบริการ โดยวางเป้าหมายในอีก 3-5 ปีข้างหน้าธุรกิจ Non Oil จะมีกำไรคิดเป็นสัดส่วน 10-15% จากปัจจุบันไม่เกิน 1% ของกำไรสุทธิรวม ส่วนการทำปั๊มน้ำมันในประเทศเพื่อนบ้านก็ศึกษาอยู่ คาดว่าจะเริ่มได้ในปี 2560”