ผู้จัดการรายวัน 360 - ผู้นำธุรกิจอุปกรณ์สำนักงานปรับสินค้าแบรนด์ OfficeMate เป็น one เตรียมขยายช่องทางจำหน่ายเข้ากลุ่มเซ็นทรัล วางเป้ารายได้ 7.5 พันล้านบาทในปี 59 มั่นใจแตะหลัก 1 หมื่นล้านบาทในปี 63 โหมงบการตลาด 150 ล้านบาท พร้อมตั้งงบฯ ขยายสาขาใหม่ 100 ล้านบาทครบ 68 แห่งในสิ้นปี เตรียมรีโนเวต 6 สาขาเก่าให้มีพื้นที่เพียง 400-500 ตร.ม.เพื่อประหยัดค่าเช่าพื้นที่ เน้นพัฒนาระบบซอฟต์แวร์-ออนไลน์-ลอจิสติกส์ในวงเงิน 100 ล้านบาท
นางสาววิลาวรรณ ฤกษ์เกรียงไกร กรรมการผู้จัดการใหญ่ “ธุรกิจออฟฟิศเมท” บริษัท ซีโอแอล จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านอุปกรณ์สำนักงานของประเทศไทย เปิดเผยว่า ในปี 2558 ธุรกิจออฟฟิศเมททำรายได้กว่า 6.8 พันล้านบาท เติบโตขึ้น 12% คิดเป็นสัดส่วน 60% รายได้รวมทั้งหมดของ บริษัท ซีโอแอล จำกัด (มหาชน) ในปี 2559 จึงมีแผนดำเนินธุรกิจต่อเนื่องเพื่อก้าวสู่เป้าหมายรายได้ 7.5 พันล้านบาท เติบโตขึ้น 15% ในปี 2559 ก่อนเพิ่มเป็น 1 หมื่นล้านบาทภายในปี 2563
สำหรับการจัดจำหน่ายของ “ออฟฟิศเมท” มี 4 ช่องทาง คือ ผ่านร้านค้าสาขา 49% คอลเซ็นเตอร์ 36% และอี-คอมเมิร์ซ 15% โดยในปี 2558 ช่องทางอี-คอมเมิร์ซมีการเติบโตถึง 45% ในปี 2559 จึงคาดว่าจะเติบโตเป็น 55% คิดเป็นมูลค่า 1 พันล้านบาท แบ่งเป็นเว็บไซต์ www.officemate.co.th 50% ระบบสั่งซื้อออนไลน์ e-Procurement 40% และ Mobile Application 10%
นางสาววิลาวรรณกล่าวอีกว่า ในปี 2559 ออฟฟิศเมทมีงบลงทุน 350 ล้านบาท แบ่งเป็นการก่อสร้างสาขาใหม่และปรับปรุงสาขาเก่ากว่า 100 ล้านบาท การพัฒนาปรับปรุงระบบการบริหารงานด้านคลังสินค้าลอจิสติกส์ เว็บไซต์ และคอลเซ็นเตอร์กว่า 100 ล้านบาท ส่วนอีก 150 ล้านบาทเป็นงบประมาณด้านการตลาดครอบคลุมทุกด้าน โดยในช่วงกลางปีจะเปิดตัวไวรัลแคมเปญชุดใหม่ เพื่อตอกย้ำความเป็นแบรนด์ทางเลือกที่ดีที่สุดตอบโจทย์ทุกธุรกิจ (Best Choice for Business Solution)
ในปี 2559 “ออฟฟิศเมท” มีแผนเปิดสาขาใหม่ 8 แห่ง แบ่งเป็นกรุงเทพฯ และปริมลฑล 6 แห่ง ภาคใต้ 1 แห่ง และภาคเหนือ 1 แห่ง ทำให้ถึงสิ้นปีจะมีสาขาทั้งสิ้น 68 แห่ง โดยล่าสุดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาได้เปิดสาขาใหม่แล้ว 3 แห่ง ได้แก่ สาขาเทสโก้โลตัส จังหวัดพิษณุโลก, สาขาเซ็นทรัลเฟสติวัล อีสต์วิลล์ และสาขาบิ๊กซีหัวหมาก
“นอกจากนี้ยังมีแผนปรับปรุงสาขาเก่าอีก 6 แห่ง คือ เมกา บางนา, แฟชั่น ไอส์แลนด์, แจ้งวัฒนะ, รัตนาธิเบศร์, พระราม 2 และพระราม 3 ด้วยการลดขนาดพื้นที่ให้เหลือเพียง 400-500 ตารางเมตร เพื่อเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายด้านเช่าพื้นที่ แต่จะปรับโฉมใหม่ให้มีความทันสมัยสวยงาม พร้อมพัฒนาระบบซอฟต์แวร์ ตลอดจนมีการจัดวางสินค้าอย่างเป็นระบบครบทุกหมวดหมู่เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าในการเลือกซื้อสินค้ามากยิ่งขึ้น”
เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา “ออฟฟิศเมท” ยังได้เปิดสำนักงานใหญ่คอลเซ็นเตอร์แห่งใหม่ ด้วยจำนวนพนักงาน 400 คน ณ หัวหมาก ทาวน์ เซ็นเตอร์ รามคำแหง 27 บนพื้นที่ 2 พันตารางเมตร เพื่อรองรับการขยายตัวของการให้บริการให้รวดเร็วมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และเป็นศูนย์คอลเซ็นเตอร์ต้นแบบที่มีวิธีการบริหารจัดการที่เป็นระบบ และยังเปิดให้ธุรกิจต่างๆ ที่สนใจมาศึกษาเรียนรู้วิธีการบริหารจัดการได้อีกด้วย
นางสาววิลาวรรณกล่าวด้วยว่า “ออฟฟิศเมท” ดำเนินธุรกิจในลักษณะ B2B มีฐานลูกค้าองค์กรกว่า 5 แสนราย โดยแต่ละปีการจัดพิมพ์แค็ตตาล็อก 5.5 แสนฉบับเพื่อนำเสนอสินค้า 4 กลุ่ม มากกว่า 1.5 หมื่นรายการ ครอบคลุม 11 หมวดสินค้า ได้แก่ กลุ่มเครื่องเขียนและอุปกรณ์สำนักงาน, กลุ่มอุปกรณ์และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้ในสำนักงาน, กลุ่มเฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในสำนักงาน และกลุ่มบริการ ประกอบด้วย บริการส่งพัสดุด่วนทั่วประเทศ (Pack Post Express Service บริการผลิตงานพิมพ์คุณภาพครบวงจร (Printing Solution) และบริการรับผลิตสินค้าพรีเมียม (Premium Corner)
“ออฟฟิศเมทยังมีการปรับแบรนด์สินค้าประเภทเครื่องเขียนและอุปกรณ์สำนักงาน (Private Brand) จากเดิมที่ใช้ OfficeMate เป็นแบรนด์ one เพื่อไม่ให้ลูกค้ายึดติดกับชื่อร้าน โดยปัจจุบันมีสินค้าประมาณ 800 รายการจากเดิมที่มี 600 รายการ โดยคาดว่าจะเพิ่มเป็น 1 พันรายการและสามารถทำสัดส่วนยอดขายได้ประมาณ 10% ในปี 2559 ขณะเดียวกันในอนาคตมีแผนขยายช่องทางจำหน่ายไปยังธุรกิจอื่นๆ ในกลุ่มเซ็นทรัลด้วย เช่น แฟมิลี่มาร์ท เป็นต้น” นางสาววิลาวรรณกล่าว
นอกจากนี้ยังมีแบรนด์ชั้นนำด้านเฟอร์นิเจอร์และเก้าอี้สำนักงานคือ “เฟอร์ราเดค” (Furradec) แบรนด์เก้าอี้ผู้บริหารและเก้าอี้สำนักงาน “เลซี่บอย” (Lazboy), “ไนซ์เดย์” (NiceDay), “เซอร์ต้า” (Serta) และ “เวิร์คโปร” (Workpro) แบรนด์อุปกรณ์ไฟฟ้าและเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก “อีสมาร์ท” (e-Smart) แบรนด์ของใช้ในแคนทีน ผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์ทำความสะอาด “ซันโว” (SUNVO) และ “ซอฟท์ทร้า” (Zoftra) เป็นต้น