ผู้จัดการรายวัน 360 - ททท.ตั้งเป้ายอดขายแพกเกจท่องเที่ยวกว่า 20 ล้านบาทในงานไทยเที่ยวไทย ชูจุดเด่น 2 สไตล์ของกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกตอนบนและตอนล่าง ย้ำศักยภาพรองรับการเปิดเออีซีด้วยจุดผ่านแดนถาวรติดกัมพูชาถึง 4 แห่ง
นางสาวเอิบลาภ ศรีภิรมย์ ผู้อำนวยการกองตลาดภาคตะวันออก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า จากการเข้าร่วมงานไทยเที่ยวไทย ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เมื่อวันที่ 3-6 มี.ค.ที่ผ่านมา ได้มีการเปิดพื้นที่โซนสีสันตะวันออกและมีผู้ประกอบการเข้าร่วมออกบูทเสนอขายแพกเกจต่างๆ จำนวน 56 ราย เช่น เวโรน่า@ทับลาน จ.ปราจีนบุรี, โอเอซิสซีเวิลด์ จ.จันทบุรี, เกาะกูดคาบาน่า และ เดอะสปาเกาะช้าง จ.ตราด เป็นต้น โดยคาดหวังเป้ารายได้จากการขายแพกเกจในงานนี้ไม่น้อยกว่า 20 ล้านบาท
การร่วมงานในปีนี้ โซนสีสันตะวันออก ของ ททท.มีการตกแต่งบริเวณให้มีบรรยากาศของท้องทะเลและป่าเขาซึ่งเป็นสินค้าหลักของภูมิภาคและนำเสนอสินค้าใหม่ภายใต้แคมเปญโครงการ “Dream Destinations เขาเล่าว่า...” ได้แก่ ป่าสีทองและเกาะแห่งรัก รวมทั้งสวนเกษตรผลไม้ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในช่วงฤดูผลไม้ที่กำลังจะเริ่มในเดือนพฤษภาคม ศกนี้ นอกจากนี้ยังมีการจัดกิจกรรมกระตุ้นยอดขายต่างๆ เช่น เล่นเกมตอบคำถามชิงรางวัลแพกเกจท่องเที่ยว บัตรกำนัลที่พัก และของที่ระลึกต่างๆ มากมาย
นางสาวเอิบลาภกล่าวเพิ่มเติมว่า ภูมิประเทศของภาคตะวันออกสามารถแบ่งเป็นกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกตอนบนและตอนล่างที่มีคาแรกเตอร์แตกต่างกัน ในกลุ่มภาคตะวันออกตอนบน ได้แก่ จ.นครนายก ปราจีนบุรี และสระแก้ว จัดเป็นโซนแห่งความเขียวขจี (Green) มีกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติป่าเขา การท่องเที่ยวเชิงนิเวศและผจญภัย (Soft Adventure) และเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวชาวไทยเข้ามาท่องเที่ยวมากถึงร้อยละ 90 ส่วนภาคตะวันออกตอนล่าง ประกอบด้วย จ.ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด มีความโดดเด่นของหาดทรายชายทะเล หรือเรียกว่าเป็นโซน Blue เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ
“ภาคตะวันออกยังมีสนามกอล์ฟมาตรฐานสากลมากถึง 35 สนาม และมีสนามกอล์ฟที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นที่จัดการแข่งขันกอล์ฟระดับโลก อาทิ Honda LPGA ที่เพิ่งเสร็จสิ้นไป นอกจากมีความได้เปรียบเรื่องแหล่งท่องเที่ยวที่มีความหลากหลายแล้ว ยังมีระยะทางที่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ สามารถเดินทางได้อย่างสะดวกสบายทางรถยนต์ และปัจจุบันมีสายการบินแอร์เอเชียทำการบินตรงสู่อู่ตะเภาด้วยเที่ยวบินภายในประเทศจากจังหวัดเชียงใหม่ อุดรธานี และหาดใหญ่ ประมาณ 21 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ รวมถึงเที่ยวบินเช่าเหมาลำ หรือชาร์เตอร์ไฟลต์จากประเทศต่างๆ ซึ่งเป็นการเพิ่มช่องทางและกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวเข้าสู่ภาคตะวันออกได้มากยิ่งขึ้น”
นางสาวเอิบลาภกล่าวอีกว่า ภาคตะวันออกยังเป็นจุดหมายปลายทางของกลุ่มจัดประชุมสัมมนานอกสถานที่ การทำกิจกรรมทีมบิลดิ้ง หรือการจัดเอาติ้งของพนักงานบริษัทต่างๆ อีกด้วย ซึ่งกิจกรรมลักษณะนี้ยังคงมีการจัดอย่างสม่ำเสมอ เพราะถือเป็นการเดินทางท่องเที่ยวพักผ่อนและการเสริมสร้างความแข็งแกร่งและความสามัคคีของทีมงาน
ภาคตะวันออกจะนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวและกิจกรรมใหม่ๆ เพื่อรองรับการเดินทางท่องเที่ยวในรูปแบบต่างๆ โดยในปีนี้จะเน้นการท่องเที่ยววิถีไทยและการเรียนรู้ มุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์แปลกใหม่ที่น่าประทับใจให้นักท่องเที่ยวจากแคมเปญต่างๆ เช่น โครงการเขาเล่าว่า, โครงการเมืองต้องห้ามพลาด, แหล่งท่องเที่ยวชุมชน อาหารและงานเทศกาลท่องเที่ยวพื้นถิ่น
“ในส่วนของการรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนนั้น ภาคตะวันออกมีจุดผ่านแดนถาวรติดกับประเทศกัมพูชาถึง 4 แห่ง ได้แก่ ด่านอรัญประเทศ จ.สระแก้ว ด่านบ้านผักกาดและด่านบ้านแหลม จ.จันทบุรี และด่านบ้านหาดเล็ก จ.ตราด ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางข้ามแดนเพื่อท่องเที่ยวระหว่างกันได้โดยสะดวกอีกด้วย” นางสาวเอิบลาภกล่าวในที่สุด
