ผู้จัดการรายวัน360 - สยามดิสคัฟเวอรี่นั่งแท่นบริหารรีเทลเองทั้งหมดด้วยสินค้ากว่า 5,000 แบรนด์ เชื่อคล่องตัวกว่าให้เช่าพื้นที่ สู่ความเป็นไฮบริดรีเทลภายใต้การปรับโฉมใหม่ด้วยงบลงทุน 4,000 ล้านบาท พร้อมเปิดให้บริการไตรมาสสองนี้
นางชฎาทิพ จูตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด เปิดเผยว่า การปรับโฉมสยามดิสคัฟเวอรี่เป็นส่วนหนึ่งของโรดแมป 5 ปีของสยามพิวรรธน์ นับตั้งแต่ปี 14 ที่ผ่านมาที่จะบุกรีเทลมากขึ้นในรูปแบบใหม่ ทั้งแบบทำเองและร่วมทุน ซึ่งแผนการดำเนินงานในครั้งนี้มีการเตรียมเพิ่มบุคลากร และการบริหารรองรับอย่างต่อเนื่องตลอด 3-4 ปีที่ผ่านมา
โดยในส่วนของสยามดิสคัฟเวอรี่โฉมใหม่ครั้งนี้คอนเซ็ปต์ใหม่คือ “The Exploratorium” ในรูปแบบไลฟ์สไตล์ชอปปิ้งคอมมูนิตีมอลล์ พร้อมเปิดให้บริการในช่วงไตรมาสสองนี้ โดยรูปแบบการบริหารงานครั้งนี้จะไม่มีพื้นที่เช่า ทางบริษัทจะทำรีเทลเองทั้งหมด ซึ่งมีทั้งพื้นที่ขายและพื้นที่ให้บริการ ด้วยงบลงทุนกว่า 4,000 ล้านบาท คาดว่าจะคุ้มทุนใน 5-7 ปี
“เดิมสยามดิสคัฟเวอรี่จะมีรายได้จากพื้นที่เช่า ซึ่งมีกว่า 80-90 ร้านค้า แต่หลังจากปรับโฉมและวางคอนเซ็ปต์ใหม่ทำให้มีพื้นที่ใช้สอยเพิ่มขึ้น และทำให้มีจำนวนแบรนด์สินค้าเพิ่มเป็น 5,000 แบรนด์ ซึ่งทั้งหมดอยู่ภายใต้การขายเอง ช่วยในเรื่องการจัดการการขายได้ดีกว่าการให้เช่าพื้นที่ เนื่องจากที่ผ่านมาพบว่าบางแบรนด์มาเร็วไปเร็ว แต่ติดอยู่กับการให้เช่าพื้นที่ การทำรีเทลเองครั้งนี้จะช่วยให้คล่องตัวมากขึ้นตามคอนเซ็ปต์ศูนย์การค้าที่ล้ำสมัย มั่นใจว่าทำให้มียอดขายเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวเมื่อเทียบต่อตารางเมตร”
สำหรับสยามดิสคัฟเวอรี่โฉมใหม่ ถือเป็นรูปแบบไฮบริดรีเทล เจาะกลุ่มเป้าหมายทุกเพศทุกวัยที่มีไลฟ์สไตล์ในแบบคนรุ่นใหม่ นำเสนอสินค้าทุกระดับราคา จำนวน 5,000 แบรนด์ แบ่งเป็น 1. สินค้าของใช้ในชีวิตประจำวัน 2. สินค้านำเทรนด์ 3. สินค้านวัตกรรมล่าสุด 4. สินค้าที่ผลิตสร้างสรรค์จากแนวคิดใส่ใจสิ่งแวดล้อม 5. สินค้าคอลลาโบเรชัน และ 6. สินค้าลิมิเต็ดเอดิชัน
โดยภายในปีแรกตั้งเป้าลูกค้า 100,000 คนต่อวัน เป็นคนไทย 65% ต่างชาติ 35% บนอาคาร 8 ชั้น รวมพื้นที่ 40,000 ตารางเมตร คาดว่าจะช่วยทำให้รายได้ต่อตารางเมตรของสยามดิสคัฟเวอรี่เพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่าภายใน 1 ปี
ปัจจุบันย่านสี่แยกปทุมวันมีทราฟฟิก 400,000 คนต่อวัน โดยสยามพารากอนมีทราฟฟิกอยู่ที่ 1.5 แสนคนต่อวัน เอ็มบีเค 1 แสนคนต่อวัน ส่วนสยามดิสคัฟเวอรี่ตั้งเป้า 1 แสนคนต่อวัน จากเดิมก่อนปรับโฉมอยู่ที่ 7 หมื่นคนต่อวัน
สยามดิสคัฟเวอรี่จะเป็นศูนย์กลางแห่งการพบปะ แลกเปลี่ยน และสร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนที่มีความสนใจในเรื่องเดียวกัน ได้มาพูดคุย แบ่งปันประสบการณ์ Start Up เริ่มต้นแนวคิดสร้างธุรกิจ สร้างมิตรภาพ ก่อให้เกิดคอมมูนิตีของกลุ่มคนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มนักออกแบบ นักกีฬา นักสะสม นักอนุรักษนิยม และนักเดินทาง รวมถึงกลุ่มคนที่มีจิตสาธารณะได้มาร่วมสร้างสรรค์กิจกรรมเพื่อสังคมในหลากหลายรูปแบบอีกด้วย
เสริมความแกร่งของประเทศไทยเจิดจรัสบนเวทีโลก
นางชฎาทิพกล่าวว่า การบุกเบิกคอนเซ็ปต์ค้าปลีกรูปแบบใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนครั้งนี้นับเป็นการปฏิวัติวงการค้าปลีกครั้งยิ่งใหญ่ เป็นต้นแบบที่จะสร้างความสนุกและประสบการณ์ที่น่าประทับใจและดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยี่ยมชม เป็นการช่วยเสริมความแข็งแกร่งและตอกย้ำเสน่ห์ของกรุงเทพฯ ในฐานะศูนย์กลางการค้าปลีกของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) และช่วยให้กรุงเทพฯ เป็นจุดหมายปลายทางของการชอปปิ้งยอดนิยมของชาวโลก
“ย่านสยามฯ คือจุดหมายปลายทางด้านการช้อปปิ้งอันดับ 1 ของกรุงเทพฯ อยู่เสมอ เพราะเป็นแหล่งไทยสร้างสรรค์ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลกที่มีพื้นที่รวมกันกว่า 2 ล้านตารางเมตร เพียบพร้อมด้วยที่สุดแห่งการชอปปิ้ง อาหารการกิน งานศิลป์ เอนเตอร์เทนเมนต์ระดับโลก เป็นแหล่งวัฒนธรรมและการศึกษาที่มีความหลากหลายมากที่สุดในประเทศไทย ซึ่งแต่ละปีดึงดูดผู้คนเข้ามาท่องเที่ยวในย่านสยามฯ แห่งนี้มากกว่า 160 ล้านครั้ง โดยสยามดิสคัฟเวอรี่จะเติมเต็มคุณค่าของย่านสยามฯ ด้วยการนำเสนอปรากฏการณ์ที่ไม่ซ้ำแบบใคร” นางชฎาทิพกล่าว
ผนึกกำลังครั้งสำคัญกับดีไซเนอร์ระดับโลก ‘เนนโดะ’
เนนโดะ (นายโอกิ ซาโตะ) ดีไซเนอร์ชั้นนำของโลกซึ่งได้รับการคัดเลือกให้เป็นหนึ่งใน 100 ชาวญี่ปุ่นที่ได้รับการยอมรับนับถือมากที่สุดโดยนิตยสารนิวส์วีค ได้เข้ามามีส่วนร่วมในฐานะผู้มอบแรงบันดาลใจด้านคอนเซ็ปต์รูปแบบโดยรวมของสยามดิสคัฟเวอรี่โฉมใหม่ โดยเนนโดะมีบทบาทในฐานะหัวหน้าที่ปรึกษางานออกแบบอาคารและงานออกแบบตกแต่งภายใน ในขณะที่บริษัท เออร์เบิ้น อาร์คิเทค จำกัด รับหน้าที่ออกแบบสถาปัตยกรรมของโครงการ
สยามดิสคัฟเวอรี่โฉมใหม่เป็นโครงการที่ใหญ่ที่สุดของเนนโดะ และเป็นโครงการแรกของเนนโดะในประเทศไทย
นางชฎาทิพกล่าวว่า “เราเชิญเนนโดะมาเป็นที่ปรึกษาเพื่อให้แนวทางที่สร้างแรงบันดาลใจการออกแบบให้กับสยามดิสคัฟเวอรี่ เนื่องจากสยามพิวรรธน์มองอนาคตด้วยมุมมองและวิสัยทัศน์ที่ยิ่งใหญ่ระดับโลก ไม่ได้มองเพียงแค่ตอบรับศักยภาพของตลาดเมืองไทยเท่านั้น ทั้งนี้ก็เพราะสยามพิวรรธน์มีอุดมการณ์ที่ยึดมั่นในการดำเนินธุรกิจที่มุ่งสร้างสรรค์ประสบการณ์เหนือความคาดหมายให้แก่ลูกค้า ซึ่งมีทั้งคนไทย และลูกค้าที่มาจากทั่วทุกมุมโลก”
“ตามกลยุทธ์การเติบโตของสยามพิวรรธน์ เรากำลังสร้างจุดหมายปลายทางที่ไม่เคยมีมาก่อนในประเทศไทย ซึ่งสามารถแข่งขันกับจุดหมายปลายทางอื่นที่เป็นสุดยอดของโลกได้ เพื่อช่วยสนับสนุนประเทศไทยให้กลายเป็นสวรรค์ด้านการค้าปลีกและเอนเตอร์เทนเมนต์แถวหน้าของโลก”
“ภายในปีแรกเราตั้งเป้าว่าจะมีผู้มาเยี่ยมเยือนและตกหลุมรักสยามดิสคัฟเวอรี่โฉมใหม่ เป็นจำนวนกว่า 100,000 คนต่อวัน ในจำนวนนั้นเป็นชาวไทย 65% และเป็นชาวต่างชาติ 35% มีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายอยู่ในทุกเพศ ทุกวัย โดยเรามีสินค้าและบริการในทุกระดับราคาสำหรับทุกคน บนพื้นที่ (GFA) กว่า 40,000 ตารางเมตร ในอาคาร 8 ชั้น โดยสิ่งหนึ่งที่ผู้มาเยี่ยมเยือนสถานที่ของเราทุกคนมีเหมือนกันก็คือ มุมมองการใช้ชีวิตที่เป็นอิสระ และก้าวล้ำไปข้างหน้า ปฏิเสธที่จะใช้ชีวิตแบบเดิมๆ หรือจำเจ รวมทั้งมีความชื่นชอบหลงใหลในการสำรวจและทดลองสิ่งใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา” นางชฎาทิพกล่าว