ผู้จัดการรายวัน 360- โอกาสธุรกิจแฟรนไชส์รุ่ง กระทรวงพาณิชย์ผุดโครงการพัฒนาศักยภาพการบริหารจัดการและสร้างโอกาสทางการตลาดธุรกิจแฟรนไชส์ ปีงบประมาณ2559 พบคนรุ่นใหม่จ่อคิวร่วมสัมมนาหวังเป็นเจ้าของธุรกิจแฟรนไชส์ เชื่อส่งภาพรวมธุรกิจแฟรนไชส์ปีนี้ยังไปได้ไกล
นายทันกวินท์ รัฐวัฒน์ก์อังกูร ผู้อำนวยการสถาบันวิจัย มหาวิทยาลัยเนชั่น เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจแฟรนไชส์ในประเทศไทยยังมีโอกาสเติบโตและสร้างธุรกิจแฟรนไชส์ในธุรกิจอื่นได้อีกในปี 2559 เพราะแม้ภาวะเศรษฐกิจจะยังไม่ดีนัก แต่กำลังซื้อของกลุ่มคนชั้นกลางยังมีความพร้อม และในการออมเงินไว้ใช้จ่ายกว่า 60% เพื่อจับจ่ายในเรื่องของกินของใช้ ซ่อมแซมบ้าน และรถยนต์ ทั้งยังมีแผนเปลี่ยนโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์ ตลอดจนใช้จ่ายในการท่องเที่ยวซึ่งถือเป็นโอกาสของธุรกิจแฟรนไชส์ที่มีความเกี่ยวข้องในแต่ละกลุ่ม
สำหรับกลุ่มธุรกิจแฟรนไชส์แบ่งออกเป็น 5 กลุ่มใหญ่ คือ 1. ร้านอาหาร/เครื่องดื่ม 2. สปา 3. การศึกษา 4. ค้าปลีก และ 5. อื่นๆ เช่น ลอจิสติกส์ และเอเจนซี เป็นต้น โดยพบว่ากลุ่มแฟรนไชส์ที่แข็งแกร่งในรูปแบบบิสซิเนสแฟรนไชส์ที่อยู่ได้จะมีการขยายสาขาต่อเนื่อง เช่น แฟรนไชส์กลุ่มไมเนอร์, ร้านเซเว่น-อีเลฟเว่น และแบล็คแคนยอน เป็นต้น ส่วนกลุ่มโปรดักส์แฟรนไชส์ซึ่งเป็นธุรกิจขนาดเล็กจะอยู่ยาก เพราะส่วนใหญ่จะเน้นขายแฟรนไชส์ในลักษณะนำเสนอข้อมูลความรู้และอุปกรณ์ เมื่อลูกค้าซื้อและได้ความรู้แล้วมักจะยกเลิกการซื้อแฟรนไชส์และหันไปดำเนินธุรกิจเอง เช่น ร้านกาแฟ เป็นต้น
ล่าสุด มหาวิทยาลัยเนชั่น ร่วมกับนายสุภัค หมื่นนิกร ประธานบริษัท อีซี่ส์ อินเตอร์เนชั่นแนล แฟรนไชส์ จำกัด และ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ จัดโครงการพัฒนาศักยภาพการบริหารจัดการและสร้างโอกาสทางการตลาดธุรกิจแฟรนไชส์ ปีงบประมาณ 2559 โดยขณะนี้มีผู้สนใจเข้าร่วมโครงการกว่า 100 คน ทั้งหมดเป็นกลุ่มคนที่สนใจทำธุรกิจแฟรนไชส์แต่ยังไม่มีความรู้และแนวทางบริหารงาน
“กรมพัฒนาธุรกิจการค้ามีการเก็บข้อมูลจากผู้สนใจเข้าอบรมสัมมนาเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจแฟรนไชส์กว่า 500 ราย พบว่าสามารถติดต่อได้เพียง 200 คน และมีเพียง 90 คนที่ตอบรับเข้าร่วมการสัมมนา ส่งผลให้ยังไม่สามารถสำรวจมูลค่าตลาดแฟรนไชส์ได้อย่างชัดเจนว่ามีมูลค่าเท่าไรและมีกี่รายที่อยู่ในระบบ แต่คาดว่าหลังจากโครงการนี้เสร็จสิ้นลงจะมีตัวเลขการเติบโตของธุรกิจแฟรนไชส์ออกมาให้เห็นภาพที่ชัดเจนขึ้น”
นายทันกวินท์ รัฐวัฒน์ก์อังกูร ผู้อำนวยการสถาบันวิจัย มหาวิทยาลัยเนชั่น เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจแฟรนไชส์ในประเทศไทยยังมีโอกาสเติบโตและสร้างธุรกิจแฟรนไชส์ในธุรกิจอื่นได้อีกในปี 2559 เพราะแม้ภาวะเศรษฐกิจจะยังไม่ดีนัก แต่กำลังซื้อของกลุ่มคนชั้นกลางยังมีความพร้อม และในการออมเงินไว้ใช้จ่ายกว่า 60% เพื่อจับจ่ายในเรื่องของกินของใช้ ซ่อมแซมบ้าน และรถยนต์ ทั้งยังมีแผนเปลี่ยนโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์ ตลอดจนใช้จ่ายในการท่องเที่ยวซึ่งถือเป็นโอกาสของธุรกิจแฟรนไชส์ที่มีความเกี่ยวข้องในแต่ละกลุ่ม
สำหรับกลุ่มธุรกิจแฟรนไชส์แบ่งออกเป็น 5 กลุ่มใหญ่ คือ 1. ร้านอาหาร/เครื่องดื่ม 2. สปา 3. การศึกษา 4. ค้าปลีก และ 5. อื่นๆ เช่น ลอจิสติกส์ และเอเจนซี เป็นต้น โดยพบว่ากลุ่มแฟรนไชส์ที่แข็งแกร่งในรูปแบบบิสซิเนสแฟรนไชส์ที่อยู่ได้จะมีการขยายสาขาต่อเนื่อง เช่น แฟรนไชส์กลุ่มไมเนอร์, ร้านเซเว่น-อีเลฟเว่น และแบล็คแคนยอน เป็นต้น ส่วนกลุ่มโปรดักส์แฟรนไชส์ซึ่งเป็นธุรกิจขนาดเล็กจะอยู่ยาก เพราะส่วนใหญ่จะเน้นขายแฟรนไชส์ในลักษณะนำเสนอข้อมูลความรู้และอุปกรณ์ เมื่อลูกค้าซื้อและได้ความรู้แล้วมักจะยกเลิกการซื้อแฟรนไชส์และหันไปดำเนินธุรกิจเอง เช่น ร้านกาแฟ เป็นต้น
ล่าสุด มหาวิทยาลัยเนชั่น ร่วมกับนายสุภัค หมื่นนิกร ประธานบริษัท อีซี่ส์ อินเตอร์เนชั่นแนล แฟรนไชส์ จำกัด และ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ จัดโครงการพัฒนาศักยภาพการบริหารจัดการและสร้างโอกาสทางการตลาดธุรกิจแฟรนไชส์ ปีงบประมาณ 2559 โดยขณะนี้มีผู้สนใจเข้าร่วมโครงการกว่า 100 คน ทั้งหมดเป็นกลุ่มคนที่สนใจทำธุรกิจแฟรนไชส์แต่ยังไม่มีความรู้และแนวทางบริหารงาน
“กรมพัฒนาธุรกิจการค้ามีการเก็บข้อมูลจากผู้สนใจเข้าอบรมสัมมนาเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจแฟรนไชส์กว่า 500 ราย พบว่าสามารถติดต่อได้เพียง 200 คน และมีเพียง 90 คนที่ตอบรับเข้าร่วมการสัมมนา ส่งผลให้ยังไม่สามารถสำรวจมูลค่าตลาดแฟรนไชส์ได้อย่างชัดเจนว่ามีมูลค่าเท่าไรและมีกี่รายที่อยู่ในระบบ แต่คาดว่าหลังจากโครงการนี้เสร็จสิ้นลงจะมีตัวเลขการเติบโตของธุรกิจแฟรนไชส์ออกมาให้เห็นภาพที่ชัดเจนขึ้น”