ผู้จัดการรายวัน 360 - “ฟู้ดสตาร์” ปักธงลุยอาเซียนต่อเนื่อง พร้อมเดินเครื่องกำลังผลิตน้ำดีโด้เพิ่มอีกเท่าตัว ล่าสุดทุ่ม 200 ล้านบาทลุยการตลาดเต็มกำลัง ดึง “พลอยชมพู” นั่งแท่นพรีเซ็นเตอร์ รับการเปิดตัวสินค้าใหม่ “ดีโด้ ฟรุตกุ” มั่นใจดันรายได้ปีนี้กลับมาโต 20% จากปีก่อนทำได้ 3,000 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าเล็กน้อย
น.ส.จันทรา พงษ์ศรี กรรมการผู้จัดการบริษัท ฟู้ดสตาร์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำผลไม้พร้อมดื่ม ภายใต้แบรนด์ “ดีโด้” เปิดเผยว่า การดำเนินงานของฟู้ดสตาร์ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ยอมรับว่าได้ผ่านวิกฤตต่างๆ มามากมาย จนเรียนรู้ว่าปัจจัยภายนอกจะเป็นอย่างไร เศรษฐกิจจะดีหรือไม่ดี เราต้องสร้างความแข็งแกร่งและแข็งแรงจึงจะอยู่รอดได้
ดังนั้น ปีนี้บริษัทฯ ยังพร้อมลุยธุรกิจต่อเนื่อง ภายใต้งบการตลาดกว่า 200 ล้านบาท เพิ่มจากปีก่อนเล็กน้อย ในการเปิดตัวสินค้าใหม่และพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ รวมถึงโฟกัสการทำตลาดในตลาดต่างประเทศให้มากขึ้น เชื่อว่าทั้งปีรายได้จะมีรายได้เติบโต 20% จาก 3,000 ล้านบาท เมื่อปี2558
โดยการทำตลาดในประเทศ ปีนี้ใช้งบกว่า 100 ล้านบาท เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ มี “พลอยชมพู ญานนีน ภารวี ไวเกล” ขวัญใจเน็ตไอดอลเป็นพรีเซ็นเตอร์ในคอนเซ็ปต์เพราะเราคู่กัน เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ “ดีโด้ ฟรุตกุ” น้ำรสผลไม้ผสมวุ้นมะพร้าว และตลอดปียังจะมีการเปิดตัวสินค้าใหม่ต่อเนื่องรวมกว่า 5 รายการ ทั้งไลน์สินค้าใหม่และรสชาติใหม่
อย่างไรก็ตาม ในปีที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ลงทุนเพิ่มเครื่องจักรใหม่ และสร้างศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ส่งผลให้ปีนี้จะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตให้เพียงพอต่อความต้องการได้อีกเท่าตัว รองรับความต้องการในประเทศ และต่างประเทศที่ในปีนี้จะรุกทำการตลาดในอาเซียน โฟกัสกลุ่มประเทศ CLMV มากยิ่งขึ้น ภายใต้การนำเสนอผ่านพรีเซ็นเตอร์คนเดียว คือ พลอยชมพู โดยเฉพาะในพม่าที่ดีโด้ถือเป็นเครื่องดื่มแบรนด์เดียวของไทยที่เข้าไปทำการตลาดอย่างจริงจัง และได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ส่วนในประเทศอื่นๆ จะรุกทำการตลาดอย่างจริงจังมากขึ้น จากทั้งหมดที่มีการทำตลาดไปกว่า 20 ประเทศทั่วโลก โดยตลาดใหญ่นอกจาก CLMV แล้ว ยังมีอินเดีย จีน มิดเดิลอีสต์ อีกส่วนหนึ่งด้วย เชื่อว่าสิ้นปียอดขายต่างประเทศจะเพิ่มเป็น 30% ของรายได้รวมทั้งหมด จากปีก่อนมีสัดส่วนเพียง 10%
ปัจจุบันตลาดน้ำผลไม้พร้อมดื่มมีมูลค่า 12,000 ล้านบาท แบ่งเป็น 4 กลุ่ม คือ น้ำผลไม้ 100% มีมูลค่า 4.52 พันล้านบาท, น้ำผลไม้ 40-90% มีมูลค่า 0.74 พันล้านบาท, น้ำผลไม้ 20-39% มูลค่า 3.3 พันล้านบาท และอื่นๆอีก 2 พันล้านบาท ขณะที่ดีโด้อยู่ในกลุ่มตลาดน้ำผลไม้ 20-39% หรือกลุ่มอีโคโนมี โดยมีส่วนแบ่งกว่า 40% ขณะที่ภาพรวมตลาดน้ำผลไม้ในปีนี้มองว่าจะมีทิศทางดีขึ้นจากกิจกรรมส่งเสริมการขาย และสร้างตลาดใหม่ในกลุ่มน้ำผลไม้จากต่างประเทศ รวมถึงการบริโภคน้ำผลไม้ของคนไทยที่เพิ่มขึ้น เฉลี่ยอยู่ที่ 5 ลิตร/คน/ปี
