ดัชนีความเชื่อมั่นอุตสาหกรรมเดือน ธ.ค. 58 พุ่งต่อเป็นเดือนที่ 4 หลังรัฐออกมาตรการลดหย่อนภาษีเพื่อกระตุ้นการบริโภคในช่วงปลายปี ราคาน้ำมันที่ปรับตัวลง แต่ดัชนีเชื่อมั่นคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าส่อแววหดตัวลง หลังมีการจับจ่ายใช้สอยในช่วงปลายปี ภาคเอกชนกระตุ้นรัฐเร่งคลอดโครงการเมกะโปรเจกต์หวังกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ หลังมีข้อกังวลเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นอุตสาหกรรมในเดือน ธ.ค. 2558 อยู่ระดับร้อยละ 87.5 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 85.8 ในเดือน พ.ย. 58 ซึ่งปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน เป็นผลมาจากการจัดกิจกรรมกระตุ้นยอดขายช่วงสิ้นปี การจัดงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2015 และมาตรการลดหย่อนภาษี เพื่อกระตุ้นการบริโภคของประชาชนในช่วงปีใหม่ และราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปรับลดลงต่อเนื่องทำให้ต้นทุนขนส่งลดลงด้วย
ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ระดับ 102.7 โดยปรับตัวลดลงจาก 104.4 ในเดือนพ.ย. เนื่องจากผู้ประกอบการเกิดจากความกังวลต่อการชะลอตัวของอุปสงค์ภายในประเทศในช่วงไตรมาส 1/2559 เนื่องจากมีการเร่งการใช้จ่ายในช่วงปลายปี 2558 ในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งกลุ่มอุตสาหกรรมแฟชั่นและเครื่องประดับ ปัญหาภัยแล้ง ปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำโดยเฉพาะยางพารา ความผันผวนของเศรษฐกิจโลก ตลอดจนความกังวลต่อภัยการก่อการร้ายในหลายประเทศ
นายสุพันธุ์กล่าวต่อไปว่า ทางผู้ประกอบการจึงอยากให้รัฐบาล เร่งเดินหน้าโครงการลงทุนขนาดใหญ่ และโครงสร้างพื้นฐานเพื่อให้เม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ พร้อมออกมาตรการดูแลปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ เพื่อสร้างกำลังซื้อในภาคเกษตร ซึ่งปัจจุบันรัฐได้เข้ามาดูแลราคายางพาราแล้ว อีกทั้งสนับสนุนให้ผู้ประกอบการ SMEs ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ในการผลิตสินค้า เพื่อยกระดับมูลค่าสินค้าไทย และส่งเสริมการใช้สินค้าที่ผลิตในไทย
“ปัจจัยลบในปีนี้มีทั้งปัจจัยภายในประเทศ และปัจจัยเสี่ยงจากต่างประเทศ โดยปัจจัยภายในประเทศมีทั้งปัญหาภัยแล้ง ราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำ ที่ภาครัฐบาลต้องเข้ามาช่วยเหลือ ส่วนต่างประเทศก็มีความเสี่ยงทั้งเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวลง ภัยก่อการร้าย ความไม่ลงรอยในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง และราคาน้ำมันที่ผันผวน ทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวไปด้วย ขณะที่เศรษฐกิจในกลุ่มประเทศอาเซียนดีอยู่ ดังนั้นทำอย่างไรจะเจาะตลาดกลุ่มนี้ได้เพิ่มขึ้น”
ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นฯ ในรายภูมิภาค ประจำเดือน ธ.ค. 58 พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นฯ ภาคกลาง ในเดือนธันวาคม 2558 อยู่ที่ระดับ 88.7 เพิ่มขึ้นจากระดับ 88.5 ในเดือน พ.ย. โดยอุตสาหกรรมที่มีดัชนีฯ ดีขึ้น ได้แก่ อุตสาหกรรมการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ พลาสติกและชิ้นส่วนพลาสติก สำหรับอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์อาหารทะเลแช่แข็ง สุกร ไก่เนื้อ ไข่ไก่ เป็นต้น
ดัชนีความเชื่อมั่นฯ ภาคเหนือ ในเดือน ธ.ค. 2558 อยู่ที่ระดับ 88.4 เพิ่มขึ้นจากระดับ 87.8 ในเดือน พ.ย. ได้แก่ เซรามิก สิ่งทอ และเครื่องนุ่งห่ม ดัชนีความเชื่อมั่นฯ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในเดือน ธ.ค.อยู่ที่ระดับ 85.0 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 77.4 ในเดือน พ.ย. ได้แก่ ปูนซีเมนต์ แกรนิตและหินอ่อน หัตถอุตสาหกรรม
ดัชนีความเชื่อมั่นฯ ภาคตะวันออก ในเดือน ธ.ค. 58 อยู่ที่ 88.6 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 86.0 ในเดือน พ.ย. ยานยนต์ ชิ้นส่วนและอะไหล่ยาน เครื่องปรับอากาศและทำความเย็น ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นฯ ภาคใต้เดือน ธ.ค. 58 อยู่ระดับ 85.0 เพิ่มขึ้นจากระดับ 83.3 ในเดือน พ.ย. ได้แก่ น้ำมันปาล์ม โรงเลื่อยและโรงอบไม้ ส่วนผลิตภัณฑ์ยางมีดัชนีความเชื่อมั่นฯ ลดลง
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นอุตสาหกรรมในเดือน ธ.ค. 2558 อยู่ระดับร้อยละ 87.5 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 85.8 ในเดือน พ.ย. 58 ซึ่งปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน เป็นผลมาจากการจัดกิจกรรมกระตุ้นยอดขายช่วงสิ้นปี การจัดงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2015 และมาตรการลดหย่อนภาษี เพื่อกระตุ้นการบริโภคของประชาชนในช่วงปีใหม่ และราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปรับลดลงต่อเนื่องทำให้ต้นทุนขนส่งลดลงด้วย
ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ระดับ 102.7 โดยปรับตัวลดลงจาก 104.4 ในเดือนพ.ย. เนื่องจากผู้ประกอบการเกิดจากความกังวลต่อการชะลอตัวของอุปสงค์ภายในประเทศในช่วงไตรมาส 1/2559 เนื่องจากมีการเร่งการใช้จ่ายในช่วงปลายปี 2558 ในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งกลุ่มอุตสาหกรรมแฟชั่นและเครื่องประดับ ปัญหาภัยแล้ง ปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำโดยเฉพาะยางพารา ความผันผวนของเศรษฐกิจโลก ตลอดจนความกังวลต่อภัยการก่อการร้ายในหลายประเทศ
นายสุพันธุ์กล่าวต่อไปว่า ทางผู้ประกอบการจึงอยากให้รัฐบาล เร่งเดินหน้าโครงการลงทุนขนาดใหญ่ และโครงสร้างพื้นฐานเพื่อให้เม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ พร้อมออกมาตรการดูแลปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ เพื่อสร้างกำลังซื้อในภาคเกษตร ซึ่งปัจจุบันรัฐได้เข้ามาดูแลราคายางพาราแล้ว อีกทั้งสนับสนุนให้ผู้ประกอบการ SMEs ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ในการผลิตสินค้า เพื่อยกระดับมูลค่าสินค้าไทย และส่งเสริมการใช้สินค้าที่ผลิตในไทย
“ปัจจัยลบในปีนี้มีทั้งปัจจัยภายในประเทศ และปัจจัยเสี่ยงจากต่างประเทศ โดยปัจจัยภายในประเทศมีทั้งปัญหาภัยแล้ง ราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำ ที่ภาครัฐบาลต้องเข้ามาช่วยเหลือ ส่วนต่างประเทศก็มีความเสี่ยงทั้งเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวลง ภัยก่อการร้าย ความไม่ลงรอยในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง และราคาน้ำมันที่ผันผวน ทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวไปด้วย ขณะที่เศรษฐกิจในกลุ่มประเทศอาเซียนดีอยู่ ดังนั้นทำอย่างไรจะเจาะตลาดกลุ่มนี้ได้เพิ่มขึ้น”
ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นฯ ในรายภูมิภาค ประจำเดือน ธ.ค. 58 พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นฯ ภาคกลาง ในเดือนธันวาคม 2558 อยู่ที่ระดับ 88.7 เพิ่มขึ้นจากระดับ 88.5 ในเดือน พ.ย. โดยอุตสาหกรรมที่มีดัชนีฯ ดีขึ้น ได้แก่ อุตสาหกรรมการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ พลาสติกและชิ้นส่วนพลาสติก สำหรับอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์อาหารทะเลแช่แข็ง สุกร ไก่เนื้อ ไข่ไก่ เป็นต้น
ดัชนีความเชื่อมั่นฯ ภาคเหนือ ในเดือน ธ.ค. 2558 อยู่ที่ระดับ 88.4 เพิ่มขึ้นจากระดับ 87.8 ในเดือน พ.ย. ได้แก่ เซรามิก สิ่งทอ และเครื่องนุ่งห่ม ดัชนีความเชื่อมั่นฯ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในเดือน ธ.ค.อยู่ที่ระดับ 85.0 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 77.4 ในเดือน พ.ย. ได้แก่ ปูนซีเมนต์ แกรนิตและหินอ่อน หัตถอุตสาหกรรม
ดัชนีความเชื่อมั่นฯ ภาคตะวันออก ในเดือน ธ.ค. 58 อยู่ที่ 88.6 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 86.0 ในเดือน พ.ย. ยานยนต์ ชิ้นส่วนและอะไหล่ยาน เครื่องปรับอากาศและทำความเย็น ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นฯ ภาคใต้เดือน ธ.ค. 58 อยู่ระดับ 85.0 เพิ่มขึ้นจากระดับ 83.3 ในเดือน พ.ย. ได้แก่ น้ำมันปาล์ม โรงเลื่อยและโรงอบไม้ ส่วนผลิตภัณฑ์ยางมีดัชนีความเชื่อมั่นฯ ลดลง