xs
xsm
sm
md
lg

“มิตซูบิชิ” เพิ่มงบลุยคนรุ่นใหม่ โหมหนักสู้เศรษฐกิจ ชูผ่อนระยะยาว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน 360 - “มิตซูบิชิ” ยันไทยฐานผลิตและการขายสำคัญในอาเซียนที่จะเป็นส่วนสำคัญเพิ่มรายได้ทั่วโลก บริษัทแม่โฟกัสอาซียน พร้อมทุ่มงบตลาดเพิ่มเป็น 1,010 ล้านบาท รุกเต็มสตรีม ชูผ่อนระยะยาวช่วยผู้บริโภค ตั้งเป้าหมายรายได้รวมปีนี้ 15,500 ล้านบาท

นายยาซุชิ โมริยามะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา จำกัด เปิดเผยว่า ประเทศไทยเป็นตลาดสำคัญที่สุดของมิตซูบิชิในภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งมีฐานการผลิตและการจัดจำหน่ายมากกว่า 10 บริษัท โดยยังยืนยันที่จะไม่ย้ายฐานผลิตที่มีอยู่ไปที่ประเทศอื่นและยังได้ขยายตลาดไปทั่วประเทศลาวด้วย หวังยอดขายในลาวปีที่สองมากกว่า 100 ล้านบาท โดยตั้งเป้าหมายรายได้ในไทยอีก 5 ปี คือ ปี 2563 จะมียอดขายรวม 18,500 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวมของบริษัทปีนี้อยู่ที่ 14,500 ล้านบาท และตั้งเป้าหมายปีนี้ไว้ที่ 15,500 ล้านบาท เติบโต 1,000 ล้านบาท (ปีงบประมาณ 2559 เริ่มเดือน เม.ย. 59 - มี.ค. 60)

ทั้งนี้ บริษัทแม่ที่ญี่ปุ่นตั้งเป้าหมายรายได้รวมทั่วโลกของมิตซูบิชิภายในปี 2563 ไว้ที่ 5 ล้านล้านเยน และกำไรไม่น้อยกว่า 8% ขณะที่ปี 2558 รายได้ทั่วโลกอยู่ที่ 4.35 ล้านล้านเยน และรายได้รวมทั่วโลกปีนี้คาดว่าอยู่ที่ 4.385 ล้านล้านเยน ด้วยการขยายธุรกิจสู่ตลาดโลกมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มประเทศอาเชียน เพราะมีศักยภาพสูง แต่อย่างไรก็ตามยอมรับว่า ปี 2559 ปัจจัยลบยังมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมมาก มีความเสี่ยงสูงและมีความไม่แน่นอนมาก

นายประพนธ์ โพธิวรคุณ กรรมการรองผู้จัดการ กล่าวว่า ปีงบประมาณ 2559 บริษัทฯ มีแผนจะขยายศูนย์บริการแต่งตั้งและศูนย์บริการเครือข่ายเพิ่มอีก 9 แห่งๆละ 20 ล้านบาท เพื่อให้ครบ 143 แห่งทั่วประเทศ และจะเปิด “มิตซูบิชิ อีเล็คทริค ซิตี้ มัลติ คัสตอมเมอร์ ซัพพอร์ท ออฟฟิศ” หรือสำนักงานสนับสนุนลูกค้าโครงการระบบปรับอากาศซิตี้มัลติอีก 2 แห่งที่ จ.ระยองและอุดรธานี จากเดิมปีที่แล้วเปิดที่ จ.ภูเก็ต และเชียงใหม่

นายอนันต์ บรรเจิดธรรม กรรมการและผู้จัดการทั่วไปส่วนการตลาดและการขายกล่าวว่า ปีงบประมาณ2559 จะเพิ่มงบการตลาดเป็น 1,010 ล้านบาทเพื่อรุกตลาดเต็มที่ เน้นการสร้างแบรนด์และต่อยอดขยายฐานผู้บริโภคให้เป็นไปอย่างกว้างขวาง รวมไปถึงขยายกลุ่มเป้าหมายสู่กลุ่มคนรุ่นใหม่ด้วย โดยยังคงใช้ “โป๊ป-ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ” เป็นพรีเซ็นเตอร์ต่อเป็นปีที่ 2 เพราะประสบความสำเร็จจากปีที่แล้วที่ขยายกลุ่มคนรุ่นใหม่ได้มากขึ้นและเพื่อรองรับการแข่งขันที่รุนแรง โดยคาดว่าตลาดรวมเครื่องใช้ไฟฟ้าปีนี้คงเติบโตไม่เกิน 7-10% จากปีที่แล้วเติบโตแค่5% จากมูลค่าตลาดรวมกว่า 60,000 ล้านบาท

“ปีนี้จะเพิ่มส่วนแบ่งตลาดทุกกลุ่มสินค้าด้วยกลยุทธการพัฒนาสินค้าใหม่ การทำโปรโมชัน เช่น การทำเงินผ่อนระยะยาวที่เริ่มเมื่อปลายปีที่แล้วจากเดิมที่มีแต่ผ่อนระยะสั้น ทำให้ช่วยผู้บริโภคมีกำลังซื้อขึ้นมาได้”

สำหรับสินค้าที่ทำตลาดของ “มิตซูบิชิ” แยกแต่ละกลุ่ม คือ 1. ตลาดแอร์บ้าน มูลค่ารวม 20,000 ล้านบาท ปีที่แล้วมิตซูบิชิมีแชร์ 34% ปีนี้ต้องมากกว่าเดิม สัดส่วนรายได้ 61% 2. ตลาดแอร์พาณิชย์ มูลค่า 6,000 ล้านบาท แชร์ 21% ปีนี้เพิ่มเป็น 23% สัดส่วนรายได้ 10% 3. ตลาดตู้เย็น มูลค่า 12,000 ล้านบาท แชร์ 19% ปีนี้ต้องเพิ่มขึ้น สัดส่วนรายได้12% 4. ตลาดพัดลม มูลค่า 2,300 ล้านบาท แชร์ 15% ปีนี้ต้องเพิ่มขึ้น สัดส่วนรายได้ 5% 5. ตลาดพัดลมระบายอากาศ มูลค่า 320 ล้านบาท แชร์ 46% สัดส่วนรายได้ 1% และ 6.ตลาดปั๊มน้ำ มูลค่ารวม 2,100 ล้านบาท แชร์ 51% สัดส่วนรายได้ 8%

สำหรับงบตลาดกว่า 50% จะนำมาใช้กับสินค้าแอร์ ซึ่งอัตราการถือครองแอร์ของคนไทยยังน้อยมากแค่ 20% จึงมีโอกาสเติบโตอีกมาก โดยเฉพาะแอร์พาณิชย์ที่มีความพร้อมแล้วโดยเฉพาะเรื่องราคาที่ต่ำกว่าเดิม เพราะผลิตในไทยแล้วทำให้สู้กับคู่แข่งได้ จากเดิมที่เราสูงกว่า 40-50% โดยตลาดแอร์พาณิชย์มีปริมาณ 1.2 ล้านยูนิต เติบโต 6% ขณะที่ปีที่แล้วเราเติบโต 17% มากกว่าตลาดรวม



กำลังโหลดความคิดเห็น