ผู้จัดการรายวัน 360 - “คอปเปอร์ คราวน์” โชว์ยอดขายปี 58 โต 20% แตะ 100 ล้านบาท เตรียมแผนขยายลงทุนปี 59 เพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่กลุ่มเบเกอรี-น้ำมะพร้าวกระป๋อง-กาแฟ 3 in 1 เร่งเปิดแฟรนไชส์ร้านกาแฟแบรนด์ใหม่เจาะตลาดกลางลงล่าง วางเป้า 100 สาขาพร้อมเดินหน้าขยายสาขาร้าน SAFF coffee ครบ 50 สาขาตามแผน 3 ปีพ่วงรายได้ 500 ล้านบาท
นางจุฬาวัลย์ พงษ์สุทธิมนัส หรือ “เชฟอิ่ง” กรรมการผู้จัดการ บริษัท คอปเปอร์ คราวน์ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจกาแฟครบวงจร เปิดเผยว่า ในปี 2558 บริษัทฯ มีผลประกอบการเป็นไปตามเป้าหมายด้วยรายได้ประมาณ 100 ล้านบาท เติบโตขึ้นประมาณ 20% โดยมีรายได้หลัก 70% จากกลุ่มธุรกิจกาแฟ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เมล็ดกาแฟ, กาแฟคั่วบด, ไซรัป, เครื่องชงกาแฟ และร้านกาแฟ “STAFF coffee” (สตาฟ คอฟฟี่) ส่วนอีก 30% เป็นรายได้จากกลุ่มผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่ไม่ใช่กาแฟ (Non Coffee) เช่น ธุรกิจเบเกอรี, แป้งพัฟเพรสตรี และน้ำมะพร้าวกระป๋อง “ZEN - CO”
ในส่วนของร้านกาแฟ “STAFF coffee” ปัจจุบันมีทั้งสิ้น 12 สาขา ตั้งอยู่ในอาคารสำนักงานทั้งหมด เป็นการลงทุนโดยบริษัทฯ ทั้งในรูปแบบของคีออสก์ พื้นที่ 8-12 ตร.ม. และร้านกาแฟเต็มรูปแบบ ขนาด 35-40 ที่นั่ง ใช้เงินลงทุนสาขาละ 2-3 ล้านบาท กำหนดตำแหน่งทางการตลาดเป็นร้านกาแฟระดับกลางขึ้นไปเน้นเป้าหมายกลุ่มคนทำงาน ในราคาขายแก้วละ 35-50 บาท (ขนาด 160 ออนซ์) โดยกำหนดเป้าหมายการจำหน่ายวันละ 200 แก้วขึ้นไป พร้อมระยะเวลาคืนทุนภายใน 1 ปี โดยสาขาที่จำหน่ายดีที่สุดคือสาขาสินธรธานี วันละประมาณ 500 แก้ว
บริษัทฯ มีแผนขยายการลงทุนในปี 2559 ด้วยการเพิ่มสาขาใหม่อีก 12 แห่ง พร้อมแตกไลน์ร้านกาแฟแบรนด์ใหม่ในลักษณะของแฟรนไชส์เพื่อเจาะตลาดระดับกลางลงล่าง เน้นทำเลย่านแหล่งชุมชนที่พักอาศัยและคอนโดมิเนียมตามแนวรถไฟฟ้า โดยกำหนดราคาขายแก้วละ 30 บาท (ขนาด 220 ออนซ์) และเงินลงทุนประมาณ 1 แสนบาท พร้อมระยะเวลาคืนทุน 6 เดือน คาดว่าจะเริ่มสรุปรายละเอียดได้ประมาณไตรมาสแรกของปี 2559 และจะสามารถขยายสาขาได้ 50 แห่งภายในปีแรก
นางจุฬาวัลย์กล่าวอีกว่า ในปี 2559 บริษัทฯ ยังจะเริ่มทดลองนำผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น เบเกอรี, น้ำมะพร้าวกระป๋อง “ZEN-CO” รวมถึงกาแฟปรุงสำเร็จ 3 in 1 เกรดพรีเมียมแบรนด์ “STAFF coffee” จำหน่ายในร้าน “STAFF coffee” ทั้ง 12 สาขาก่อนที่จะขยายช่องทางสู่โมเดิร์นเทรดต่อไป พร้อมกันนั้นยังจะมีการแนะนำเครื่องดื่มรสชาติใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้าอย่างน้อยไตรมาสละ 1 ชนิด ขณะเดียวกันยังจะจัดให้มีการอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับธุรกิจกาแฟและเบเกอรีแก่ผู้สนใจประกอบธุรกิจร้านกาแฟเป็นประจำเดือนละประมาณ 1-2 ครั้ง
“ภาพรวมธุรกิจร้านกาแฟในประเทศไทยยังไม่มีหน่วยงานใดวิจัยและรวบรวมมูลค่าได้อย่างชัดเจน แต่คาดว่ามีมูลค่าไม่น้อยกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ ระดับพรีเมียม สัดส่วนประมาณ 30% ระดับกลาง 30% และระดับล่าง 40% จึงทำให้ตลาดยังมีโอกาสเติบโตอีกมากและมีรูปแบบการลงทุนในลักษณะต่างๆ อย่างหลากหลาย ขึ้นอยู่กับผู้ประกอบธุรกิจว่าจะนำเสนอเพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้าได้มากน้อยเพียงใด โดยบริษัทฯ มั่นใจว่าในปี 2559 จะเป็น 1 ใน 3 ผู้นำธุรกิจกาแฟแบรนด์ไทยด้านการนำเสนอเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ”
ปัจจุบันบริษัทฯ มีสัดส่วนรายได้จากแบรนด์ของบริษัทฯ และ OEM ในสัดส่วนเท่ากันคือ 50:50 โดยมีสัดส่วนการส่งออกเมล็ดกาแฟไปยังกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ประมาณ 10-20% โดยในปี 2559 เตรียมขยายตลาดในกลุ่มอาเซียนเพิ่มขึ้น เริ่มจากประเทศพม่าเป็นประเทศแรก โดยมีเป้าหมาย 3 ปีในการทำรายได้ 500 ล้านบาท พร้อมขยายสาขาร้าน “STAFF coffee” ครบ 50 สาขา และธุรกิจแฟรนไชส์ร้านกาแฟแบรนด์ใหม่ครบ 100 สาขาภายในปี 2561