ผู้จัดการรายวัน 360 - ตลาดส่งออกของขวัญของชำร่วยไทย 1 แสนล้านบาท “สั่นไหว” ! หลังเหตุก่อการร้ายเมืองน้ำหอม นายกสมาคมของขวัญฯ เผยผู้ประกอบการขาดความเชื่อมั่น งดเดินสายร่วมงานแสดงสินค้าระดับโลก เตรียมเจาะตลาดอาเซียนและเอเชียทดแทนเพิ่มขึ้นเท่าตัว ส่วนตลาดในประเทศ 2 หมื่นล้านบาทเริ่มฉายแววฟื้นตัว 4-5% หลังซบมานาน 2 ปีเพราะปัญหาเศรษฐกิจ และการเมือง
นายศิริชัย เลิศศิริมิตร นายกสมาคมของขวัญของชำร่วยไทย เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ก่อการร้ายในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อคืนวันศุกร์ที่ 13 พ.ย. 58 (ตามเวลาประเทศฝรั่งเศส) ถือว่ามีผลกระทบต่อภาวะการส่งออกของขวัญของชำร่วยไทยอย่างมาก เนื่องจากผู้ประกอบการที่เป็นสมาชิกของสมาคมฯ ประมาณ 400 รายนั้นแทบทั้งหมดล้วนเป็นผู้ส่งออกซึ่งมีตลาดหลักคือยุโรป และสหรัฐอเมริกา ประมาณ 70% เอเชีย 20% และอื่นๆ 10% คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 1 แสนล้านบาท
เหตุการณ์ดังกล่าวถือว่ามีผลต่อความเชื่อมั่นของผู้ส่งออกไทยในการทำกิจกรรมการตลาดด้านการร่วมออกงานแสดงสินค้าและกิจกรรมโรดโชว์ต่างๆ ในทวีปยุโรป ซึ่งในช่วงไตรมาสแรกของปี 2559 จะมีการจัดงานแสดงสินค้าของขวัญของชำร่วยระดับโลกอย่างน้อย 2 งาน คือ งาน Ambiente ประเทศเยอรมนี และงาน Meison & Object ประเทศฝรั่งเศส รวมถึงงานแสดงสินค้าสุขภาพ ประเทศอังกฤษ และอื่นๆ เนื่องจากขณะนี้ผู้ส่งออกไทยหลายรายเริ่มแสดงความวิตกในเรื่องความปลอดภัยและยกเลิกการร่วมงานแล้ว
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากนโยบายการเปิดเขตประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในช่วงสิ้นปี 2558 จึงทำให้หน่วยงานต่างๆ ของภาครัฐ เช่น กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม และอื่นๆ มีนโยบายการดำเนินงานด้านส่งเสริมการตลาดในกลุ่มประเทศอาเซียนอย่างต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา จึงทำให้ผู้ส่งออกของขวัญของชำร่วยได้รับอานิสงส์ในการหันมาเน้นตลาดส่งออกไปยังอาเซียนและเอเชียเป็นการทดแทน โดยคาดว่าจะเริ่มเห็นผลได้ชัดเจนในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2558 ต่อเนื่องถึงไตรมาสแรกของปี 2559
“ในปี 2559 ยังไม่สามารถประเมินภาวะการส่งออกได้ว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้นมากน้อยเท่าใด เนื่องจากเราไม่สามารถควบคุมปัจจัยต่างๆ ของแต่ละประเทศได้ ทั้งค่าเงิน การเมือง และอื่นๆ ซึ่งหากยุติปัญหาได้เร็วย่อมส่งผลให้การส่งออกมีอัตราเติบโตขึ้น โดยคาดว่าสัดส่วนการส่งออกจะเปลี่ยนเป็นการหันมาพึ่งพาตลาดอาเซียนและเอเชียเพิ่มขึ้นอย่างน้อยเท่าตัวเป็น 40-50%”
นายศิริชัยยังกล่าวถึงภาพรวมตลาดของขวัญของชำร่วยในประเทศด้วยว่า ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาอยู่ในสถานการณ์ติดลบ 3-4% เนื่องจากได้รับผลกระทบทั้งทางด้านเศรษฐกิจและการเมือง แต่ปัจจุบันสถานการณ์ต่างๆ เริ่มคลี่คลายมากขึ้น โดยเฉพาะการเมืองที่เริ่มอยู่ในภาวะคงที่ทำให้ผู้บริโภคเริ่มมีความมั่นใจและกล้าตัดสินใจจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น จึงมั่นใจว่าในปี 2559 ตลาดจะเริ่มฟื้นตัวและกลับมามีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 4-5% จากมูลค่ารวมประมาณ 2 หมื่นล้านบาท
“ขณะนี้เริ่มมีสัญญาณบวกที่บ่งชี้ให้เห็นการเติบโตของตลาดในประเทศแล้วคือการใช้จ่ายซื้อสินค้าขององค์กรธุรกิจและหน่วยงานต่างๆ เพื่อใช้เป็นของขวัญของชำร่วยเนื่องในโอกาสต่างๆ รวมถึงเพื่อเป็นการส่งเสริมการขายของแต่ละองค์กร โดยสินค้าที่กำลังเป็นที่นิยมในตลาดคือสินค้าสุขภาพ สินค้าออร์แกนิก และสินค้าแนวรักษ์โลก”
นายศิริชัยกล่าวด้วยว่า ในช่วงที่ผ่านมาสมาคมฯ มีการดำเนินงานด้านต่างๆ เพื่อให้ความช่วยเหลือสมาชิกและผู้ประกอบการในหลายๆ ด้าน ทั้งแนวทางการพัฒนาสินค้า การขยายช่องทางการจำหน่าย การร่วมออกงานแสดงสินค้าและโรดโชว์ในประเทศต่างๆ อย่างน้อย 2 เดือนครั้ง และอื่นๆ จนทำให้ของขวัญของชำร่วยไทยได้รับการยอมรับทั้งในเรื่องคุณภาพและมาตรฐาน
“ปัจจุบันสมาคมฯ กำลังพยายามเร่งส่งเสริมและให้คำแนะนำผู้ประกอบการในการเพิ่มมูลค่าให้สินค้าด้วยการเพิ่มนวัตกรรมและฟังก์ชันการใช้งานหลายๆ ด้านในสินค้าแต่ละชิ้น เนื่องจากผู้ผลิตของขวัญของชำร่วยแทบทั้งหมดล้วนเป็นธุรกิจเอสเอ็มอีที่ผลิตสินค้าทำมือ หรือแฮนด์เมด จึงทำให้ยังคงได้รับผลกระทบต่อเนื่องจากนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทจากรัฐบาลชุดก่อนจนทำให้ผู้ประกอบการหลายรายต้องล้มเลิกธุรกิจและอยู่ในภาวะทรงตัว”